เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายคืนความสุขให้คนในชาติ ว่า ผมก็มีความยินดีนะครับที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ขบวนใหม่ จำนวน 39 คัน จาก 115 คัน ซึ่งเราจะได้รับครบทั้งหมด ภายใน ตุลาคม นี้ ซึ่งทาง รถไฟไทย การรถไฟ ได้รายงานว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์นะครับ 100 กว่าปี ของการรถไฟไทยนั้น 60 ปีที่ผ่านมาไม่มีการสร้างเส้นทางเพิ่มเติม และ 40 ปีที่ผ่านมาไม่มีการลงทุนใหม่ๆ ไม่มีการซื้อขบวนรถใหม่ ก็ทำให้รถไฟนั้นเป็นการคมนาคมที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งแต่ รัชกาลที่ 5 ทรงริเริ่มไว้ อยู่ในปัญหา “ซบเซา” นะครับไม่ได้รับบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดมา โดยพิจารณาจาก จำนวนผู้ใช้บริการ เพียง 5% ของการเดินทางภายในประเทศทั้งหมด และปริมาณการขนส่งสินค้า เพียง 2% ของการขนส่งสินค้าภายในประเทศทั้งหมด ทั้งๆ ที่ทั่วโลกนั้น ปัจจุบันให้ความสำคัญกับการขนส่งทางรถไฟมากที่สุดนะครับ แล้วก็มีการวิวัฒนาการไปไกลกว่าเรามาก เราคงรอเขาอยู่นะ ที่เขาเน้นในเรื่องนี้เพราะว่าประหยัด เชื่อมโยงกันได้ทั้งในประเทศ ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้นะครับ แล้วมีการขนส่งสินค้าราคาถูก แล้วก็ขนส่งปริมาณมากๆ นะครับ ทั้งคน ทั้งสินค้าด้วย เพราะฉะนั้น จากการที่รถไฟของเรานั้น พัฒนามาล่าช้ามานาน นับสิบๆ ปีนั้น เรามีปัญหาเรื่องการให้บริการ การพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทาง ซึ่งทำไม่ได้ตามกฎหมายเดิมนะครับ ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และไม่มีการการปฏิรูปองค์กร ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของโลก วันนี้ผมก็ได้ขอความร่วมมือกับบุคคลากรทุกคนในองค์กรนะครับ ขอความร่วมมือในการปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง โครงการนี้แม้ได้รับความเห็นชอบในวงเงิน 4,900 กว่าล้านบาท เมื่อปี 2554 การจัดซื้อจัดจ้างทำไม่สำเร็จ รัฐบาลนี้ได้เข้ามาเร่งรัด ให้สามารถดำเนินการได้ โดยแก้ปัญหาข้อขัดข้องทั้งปวง ในทันที ให้สามารถลงนามในสัญญาซื้อ ในวงเงิน 4,600 กว่าล้านบาท ในปลายปี 2557 ถูกลงราว 300 ล้านบาทนะครับ จากวงเงินที่ตั้งไว้เดิม แล้วเราก็จะได้รับรถขบวนใหม่ ทั้งหมด ภายใน ตุลาคม นี้ ก็มีทั้งตู้โดยสาร มีทั้งหัวรถจักรด้วยนะครับ หลายๆอย่างที่มีการจัดซื้อจัดหาใหม่นะครับ ทั้งนี้เมื่อเปิดให้บริการแล้วคาดว่า รถไฟไทย นั้นน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 1,250 ล้านบาท ต่อปี ก็จะเป็นการยกระดับภาพลักษณ์การบริการ ด้านความปลอดภัย ทันสมัย สะอาด และขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น สามารถอำนวยความสะดวกให้ทุกกลุ่มผู้โดยสาร ทั้งทั่วไป นักท่องเที่ยว คนพิการ ผู้สูงอายุนะครับ ก็จะกลับมาเป็นความหวังของประชาชนอีกครั้ง หลายอย่างก็กลับมาสู่การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐนะครับ จะได้ไม่ต้องใช้เงินไปอุดหนุนมากนัก แล้วก็มีผลดีต่อสวัสดิการต่างๆ ของบุคลากรที่ทำงานอย่างหนักมาด้วยนะครับ ในอนาคต ทั้งนี้ รถไฟใหม่ 115 คันนั้นจะใช้เป็นขบวนรถด่วน 4 เส้นทาง คือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ตามสถิติปริมาณผู้โดยสาร และตามความนิยม จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 120 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เมื่อการก่อสร้างทางคู่เสร็จสมบูรณ์นะครับ ทำให้สามารถถึงที่หมายปลายทาง อาจจะเร็วขึ้นได้เฉลี่ย 3 ชั่วโมงนะครับ ทั้งนี้ แผนการปฏิรูปรถไฟ ที่รัฐบาลนี้กำลังดำเนินการอยู่ครบวงจรก็ได้แก่ (1) โครงการพัฒนา ทางคู่ ในระยะ 5 ปี ของรัฐบาลนี้ ก็คือ การสร้างทางคู่ ระยะแรก ระยะเร่งด่วนนะครับ จำนวน 6 เส้นทาง และ ระยะที่ 2 อีก 8 เส้นทาง รวมระยะทาง 2,500 กว่ากิโลเมตร ก็คือให้รถสวนได้นั่นแหละนะ ปัจจุบันนั้นสัดส่วน ทางเดี่ยว มี 93% ทางคู่ มีเพียง 4% คิดดูนะครับว่ารถไฟจะไม่วิ่งช้าได้ยังไง ถึงแม้จะวิ่งเร็วกว่านี้ ต้องไปรอที่สถานีหน้า เพราะต้องวิ่งสวนทางบนรางเดียวกันนะครับ อันนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องรถไฟทางคู่ ความกว้าง 1 เมตร ของเดิมด้วยนะครับ ในส่วนของการจราจรทางรถไฟนั้นอดีต จนถึงปัจจุบันยังไม่เต็มศักยภาพนะครับ ทำให้ไม่ได้รับความนิยม ถึงที่หมายล่าช้า เพราะฉะนั้นเมื่อโครงการรถไฟทางคู่เสร็จสมบูรณ์นะครับ จะมีสัดส่วนทางคู่เพิ่มเป็น 60% ซึ่งคงจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ มากพอสมควร (2) ประการที่ 2 คือการแก้ปัญหาจุดตัดรถไฟซึ่งมี 1,000 กว่าแห่ง ทั่วประเทศ มีทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย คือไปข้ามเพิ่มเติมเอาเองนะครับ วันนี้ก็ปิดไม่ได้สักอัน เราต้องทำสะพานข้าม อุโมงค์ทางลอด และการติดตั้งสัญญาณไฟ และ (3) เรื่องที่ 3 คือ โครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง 4 เส้นทาง เพื่อจะเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยนะครับ เหนือ-ใต้-ออก-ตก จะเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับเมืองเศรษฐกิจหลัก 4 ภาค ระยะแรกได้แก่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา, กรุงเทพฯ - ระยอง, กรุงเทพฯ - หัวหิน และกรุงเทพฯ – พิษณุโลก - เชียงใหม่ และสามารถจะ ต่อประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคต่างๆ ของโลกได้นะครับ อันนี้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ก็ต้องวางแผนเป็นระยะ ๆ นะครับ ระยะแรกจะทำได้เท่าไร ก็เป็นในประเทศก่อนนะครับ บางเส้นก็เชื่อมต่อต่างประเทศ ที่เหลือก็ทำต่อไป จัดทำแผนแม่บทไว้ให้เรียบร้อยนะครับ เราก็จะผลักดันที่เราทำไม่ได้ไปในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนะครับ แล้วก็แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ซึ่งมีระยะเวลา 5 ปี 2560-2564 ว่าจะต้องทำอะไรกันต่อไปนะครับ ที่เราเริ่มไว้ ทั้งนี้ ก็มีอีกหลายโครงการขนาดใหญ่นะครับ ที่เราคงจะต้องดำเนินการในลักษณะการจัดซื้อ-จัดจ้างใหม่ หรือทดแทนของเดิมนะครับ ให้สอดคล้องกับ พรบ. งบประมาณ ที่จะต้องจัดทำใหม่เรื่องของการใช้จ่ายนะครับ ผมได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติม ให้ไปศึกษาวิธีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยให้มีคณะกรรมการ 3 ระดับ เหมือนกับที่ฝ่ายความมั่นคงเขาทำกันอยู่ในปัจจุบันนะครับ ได้แก่ (1)คณะแรกคือ คณะกรรมการกำหนดความต้องการ จะมีหน้าที่จัดทำประมาณการ และแผนการจัดหาล่วงหน้า มีแผนแม่บทนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อจะขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามห้วงระยะเวลา ซึ่งคาดการณ์ได้ ไม่ใช่สะสมความต้องการหลายปี เช่นรถไฟนี่เหมือนกัน หลายโครงการ แล้วมาเสนอขอในคราวเดียวกัน ก็ทำไม่ได้หรอกครับ ก็ต้องเริ่มต้น ประชาชนก็ใจร้อนนะครับ (2)เรื่องที่ 2 คือ เป็นคณะกรรมการสรรหา ซึ่งต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ประเทศ และหน่วยที่ใช้งาน ทั้งทางเทคนิคและความเป็นไปได้ ซึ่งจะต้องนำมาจากทางด้านที่ 1 นั้นแหละนะครับ แล้วก็สอดคล้องกับแผน สภาพัฒน์ฯ นั่นแหละ หรือแผนการปฏิรูปรถไฟ หรือหน่วยงานอื่น ก็แล้วแต่นะครับ (3) ก็คือคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อจะลดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้นะครับ เพราะฉะนั้นจะต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติ ต้อง พิจารณาทั้งราคาของ การปรนนิบัติบำรุง และอะไหล่นะครับ การซ่อมแซมอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้นะครับ ข้อมูลจากคณะกรรมการ ทั้ง 3 ระดับนั้น จะมานำใช้ประกอบในการจัดทำ TOR เพื่อดำเนินการจัดซื้อ-จัดจ้าง ต่อไปนะครับ เพื่อให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส แล้วก็งบประมาณไม่ซ้ำซ้อน ต่อเองเชื่อมโยง ตรงความต้องการ และมีการบริหารงบประมาณประเทศได้อย่างเป็นระบบนะครับ มีแบบแผน มียุทธศาสตร์ สำหรับปัญหาการจราจรในกรุงเทพ ตามที่เป็นข่าวนั้น จริงๆ แล้วรัฐบาลนี้คิดมาอย่างต่อเนื่องนะครับ พยายามแก้ไป แต่แก้ทั้งระบบทำได้ยาก.. ยากมากนะครับ เพราะว่าหลายอย่างทับซ้อนกันอยู่นะครับ ก็ต้องเข้าใจนะครับ ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ เป็นปัญหาเรื้อรัง ไม่ได้เกิดวันนี้ ไม่ได้เกิดมาจากปริมาณรถ หรือเส้นทางที่มีอยู่ปัจจุบันไม่สมดุลเท่านั้นนะครับ เราต้องมองปัญหาทั้งระบบ และแก้ปัญหาอย่างมียุทธศาสตร์ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ก็ขอเพียงความเข้าใจนะครับ และร่วมมือจากทุกฝ่าย ต้องมีการบูรณาการร่วมกันในหลายมาตรการ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็พยายามจะแก้ แต่ก็แก้ไม่ได้ ตอนหลังก็คงเลิกแก้ไปแล้วล่ะ รัฐบาลนี้ก็พยายามจะแกะออกใหม่ แล้วแก้ให้ได้อย่างที่ประชาชนต้องการนะครับแต่ทุกคนต้องร่วมมือ ไม่อย่างนั้น เราก็ไม่สามารจะแก้ในทุกมิติได้อย่างบูรณาการนะครับ ประชาชนอาจจะไม่ยินยอมพร้อมใจ การจัดซื้อจัดจ้างก็ทำไม่ได้นะครับ สร้างถนน สร้างทางด่วน สร้างรถไฟ อะไรก็แล้วแต่นะครับ เพราะว่าปัญหาสำคัญก็คือปัญหาด้านงบประมาณด้วยนะครับ มาตรการบางอย่างก็อาจจะกระตุ้นด้านเศรษฐกิจ แต่ส่งผลกระทบด้านสังคมจิตวิทยาบ้าง อาทิเช่นไม่เข้าใจกันก็อยากได้ แต่ก็ต้องมีหนี้ ต้องกู้เงิน มีภาระหนี้สินสูงนะครับ เราก็ต้องไปหาให้ได้นะครับ รัฐบาลนี้ทำทุกอย่าง เอาปัญหามา แล้วก็คิดโครงการออกมา แล้วก็ทำยังไงประชาชนจะเข้าใจ และยินยอมพร้อมใจในการที่จะดำเนินการให้ได้ ถ้าอยากได้ แต่ไม่ลงทุนอะไรกันเลย ก็ไม่ได้หมดนะ ทุกเรื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ประกอบด้วย (1) การเชื่อมโยงกรุงเทพฯ – ชานเมือง และหัวเมืองใหญ่ ทั้งนี้เราต้องการจะกระจายความเจริญ ความแออัดออกนอกเขตเมืองกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่นะครับโดยได้มีการเร่งรัดโครงการก่อสร้าง ด้านคมนาคม ทั้งทางด่วน ทางพิเศษ วงแหวน และรถไฟ แล้วก็ให้มีที่อยู่อาศัย ของประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย รายได้ปานกลาง รายได้น้อย รายได้มาก อะไรก็แล้วแต่กระจายไปอยู่ชานเมือง ทั้งภาคธุรกิจด้วยนะครับ ประชาชนสามารถเดินทางไปทำงานเช้า – กลับเย็นได้ อาทิเช่นโครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 เส้นทาง รัฐบาลนี้ก็ได้เร่งรัดดำเนินการในระยะแรกให้ได้นะครับ โดยพิจารณาเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ 2 ข้างทางในเชิงธุรกิจด้วย เราก็ต้องไปดูเรื่องกฎหมาย ต้องมีการปรับปรุง ทั้งนี้ก็เพื่อจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดิน หรือในพื้นที่ที่รถไฟผ่าน เราแก้ปัญหาหนึ่ง จะต้องไม่ให้ชระชาชนเดือดร้อน จะทำยังไง กฎหมายว่ายังไง รัฐศาสตร์จะแก้ยังไงนะครับ เราตะต้องให้มีที่อยู่อาศัย มีตลาด มีชุมชนใหม่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่วเป็นศูนย์ซ่อม สร้างงาน สร้างรายได้ในท้องถิ่น เหล่านี้เป็นต้น ในเรื่องของการจัดระเบียบรถตู้โดยสารประจำทางมาตรฐาน ก็พยายามเต็มที่นะครับ วันนี้เส้นทางกรุงเทพฯ – จังหวัดต่างๆ ในระยะทาง ไม่เกิน 300 กิโลเมตร ก็จะต้องไปใช้พื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 สถานี นะครับ จตุจักร, สายใต้, เอกมัย ภายใน ต.ค. ปีนี้ ขออย่าต่อต้านเลยนะครับ ต้องช่วยกัน ไม่งั้นก็ติดอยู่เหมือนเดิม การจราจรก็ต้องเริ่มทุกอัน ถ้าทุกคนยังต้องการประโยชน์อย่างเดิม กฎหมายไม่สนใจ เหล่านี้ก็ พัลวันกันอยู่แบบนี้นะครับ ก็อาจจะช่วยลดปริมาณการจราจรรถตู้ฯ กว่า 4 พันคัน ในใจกลางเมือง ขอให้เคารพกติกาก็แล้วกัน ไม่ใช่เริ่มแล้ว ก็กลับมาใหม่ เรียกร้องโน่นนี่ ผลักดันให้ประชาชนมาเรียกร้องหรืออะไรทำนองนี้นะ ผมจะต้องเข้าไปสอบสวนในทุกเรื่องนะครับในการประกอบการต่างๆ ทั้งหมดด้วย เราจะต้องเชื่อมโยงกับทางด่วนให้ได้ แล้วก็ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่เราจะสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ทั้งมิติปริมาณการจราจร มาตรฐานการให้บริการ ก็เห็นใจผู้มีรายได้น้อยนะครับ จะทำยังไง ล่าสุดก็เพิ่งเปิดตัวทางพิเศษ สายศรีรัช – วงแหวนรอบนอก เพื่อเพิ่มข่ายเส้นทางเชื่อมโยงถนนกาญจนาภิเษก ที่ด่านบรมราชชนนี บริเวณตลิ่งชัน เชื่อมโยงทางด่วนศรีรัช ที่ด่านกำแพงเพชร 2 บริเวณชุมทางรถไฟบางซื่อ ใกล้สถานีขนส่งหมอชิต เป็นต้นนะครับ ในเดือน ตุลาคม 2559 นี้ ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ ETCS ระหว่างการทางพิเศษฯ (Easy Pass) กับกรมทางหลวง (M-Pass) ก็จะสามารถเชื่อมโยงกัน ใช้ร่วมกันได้ อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในระยะแรกเพราะเป็นการทดสอบด้วย อะไรด้วยนะครับ แต่ประเด็นสำคัญก็คือถ้าทำได้สมบูรณ์นั้น ก็จะลดการติดขัดบนทางด่วนได้อีกส่วนหนึ่ง ข้างล่างเขาก็ไม่ติดต่อกันไปนะครับ ต้องมองทั้งระบบ อันนี้ก็เป็นก้าวแรกนะครับ ของแนวคิด “บัตรร่วม” หรือ e-Ticket ของรัฐบาล ที่เราเคยกล่าวไปแล้วนะครับ กำลังดำเนินการอยู่ทั้งหมด ใช้เวลานะครับทุกเรื่อง ไม่ใช่สั่งวันนี้ พรุ่งนี้ได้ ในอนาคตต้องเชื่อมโยงการเดินทางทุกระบบในบัตรเดียวกันนะครับ เพื่อความสะดวกสบายของพี่น้องประชาชน (2) เรื่องที่ 2 คือการเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนภายในกรุงเทพและปริมณฑล นอกจากเรื่องบัตรร่วมแล้วนะครับ เราต้องเชื่อมโยงทั้งเส้นทางและสถานี ระหว่างเรือโดยสาร– รถไฟฟ้า – รถประจำทาง ทั้งนี้เรือด่วนเจ้าพระยา 19 สถานีนะครับ เราได้ดำเนินการให้ยกระดับ “ท่าเรือ” เป็น “สถานีเรือ” ให้บริการคล้ายๆ สถานีรถไฟฟ้า ที่มีความปลอดภัย สะดวก ทันสมัย มีระบบแจ้งข้อมูลเส้นทางและการสัญจรทางเรือให้ผู้โดยสารทราบ จัดระเบียบพื้นที่ให้บริการในสถานีเรือ และเชื่อมโยงกับระบบรถไฟฟ้า 4 สาย ม่วง-แดง-น้ำเงิน-เขียว ใน 5 สถานี เป็นต้นนะครับ จุดเชื่อมต่อ 1 กิโลเมตร กำลังทำอยู่นะครับ หาทางทำให้ได้โดยเร็ว ส่วนเรือในคลองแสนแสบและคลองผดุงฯ นั้น ก็จะมีการปรับปรุงสถานีเรือ ตามแนวทางเรือด่วนเจ้าพระยา พร้อมทั้งปรับภูมิทัศน์ 2 ฝั่งคลอง ทางเดินเลียบคลอง และมีเรือโดยสาร ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่รบกวนผู้อาศัยริมคลองนะครับ แต่ผู้ที่อยู่อาศัยแบบผิดกฎหมายก็ต้องร่วมมือกันนะครับ จะหาทางออกกันยังไงนะครับ หลายอย่างก็มีแรงต่อต้านหมด แต่ลืมไปว่าตัวเองก็อยู่ผิดกฎหมาย ต้องนึกถึงคนอื่นเขาด้วยนะครับ ที่เขาไม่ผิดกฎหมายจะทำยังไง เราต้องการให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงคูคลอง แม่น้ำได้นะครับ ผมได้ให้แนวคิดไปศึกษาดูนะครับ ว่าเราจะทำเรือแท็กซี่ เหมือนที่ต่างประเทศเขาทำได้ไหม ผมเห็นในโทรทัศน์นะครับ ก็จะทำบ้างหรือเปล่า ระยะสั้นๆ ในทุกคลองทั้งใน กทม. และปริมณฑล ที่สามารถทำได้นะ มีระดับน้ำ มีความปลอดภัย เพื่อจะลดปริมาณ การใช้รถลงไปบ้างนะครับ สำหรับรถไฟฟ้า ล่าสุดเราเพิ่งเปิดตัวรถไฟฟ้าสายสีม่วงนะครับ ก็มีปัญหาอีกนะครับ การเชื่อมต่อที่ผมกล่าวไปแล้ว กำลังแก้อยู่นะครับ ส่วนรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ก็ทยอยดำเนินการผลักดันให้มีความชัดเจน หากสร้างเสร็จสมบูรณ์ ครบทุกสาย ก็จะเกิดเครือข่ายเส้นทางที่ครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล แล้วก็อาจจะจูงใจให้ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลนะครับ ที่ผ่านมาระบบไม่เชื่อมต่อ แล้วจะทำยังไง เวลาก็แค่นี้ 2 ปีเข้ามา ก็พยายามทำอย่างเต็มที่นะครับ ก็ต้องทำต่อไป ในระยะต่อไปด้วย เราจะได้หันมาพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะ ก็มีปัญหาอีก ราคาสูง ทำยังไงอีกนะครับ ที่สะดวกกว่า ประหยัดกว่า ผมได้สั่งการเพิ่มเติมในที่ประชุม ครม. ไปแล้วนะครับให้พิจารณาหาโครงการรถไฟฟ้า “โครงสร้างเบา” เพื่อจะราคาถูก ลงทุนน้อย เป็นพวก แทรม (Tram) รถราง ใช้เหมือนต่างประเทศเขามีนะครับ เช่นหลายประเทศเขาทำ ในการสัญจรไปมาในตัวเมืองใหญ่นะครับ ไม่ว่าจะไปสถานประกอบการธุรกิจ การค้า ที่อยู่อาศัย ต่างๆ เป็นระยะสั้น เป็นรถไฟฟ้า ทั้งเหนือคลอง แล้วก็เส้นทางด้วยนะครับ ในเมืองใหญ่ เข้าถึงชุมชน สถานประกอบการ แล้วก็สถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ นะครับ ต่างจังหวัดก็คิดมาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มคิดกันมาหลายๆ จังหวัดแล้วนะครับ ต้องช่วยกัน สำหรับระบบขนส่งมวลชนทางถนนนั้น เราจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบคิวรถตู้วินมอเตอร์ไซต์ ทั้งมาตรฐาน การให้บริการความปลอดภัยและเส้นทางเดินรถ ที่จะสามารถเสริมระบบขนส่งหลักอื่นๆ ทั้งขสมก. และระบบรถไฟฟ้า ปัญหาที่ผ่านมานะครับ การบริหารโครงการอาจจะไม่เป็นระบบ ไม่บูรณาการ ต่างคนต่างทำ เพราะคนละโครงการ เชื่อมโยงกันไม่ได้ คนละระบบอีก การเดินรถก็มีปัญหา นะครับ ที่สำคัญก็คือล่าช้า ทำโครงการไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ จัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ ไม่โปร่งใส เหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า จะทุจริตทั้งหมดนะครับ มันอาจจะมีวาระอื่นๆซ่อนเร้นอยู่ นโยบายก็เปลี่ยนไปตามรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา มันก็เลยทำให้เราคิดว่า มันไม่มียุทธศาสตร์ไง ทุกเรื่องมันไม่มียุทธศาสตร์ แก้ไขไม่ต่อเนื่อง ไม่เชื่อมโยง ไม่เป็นระบบ รัฐบาลนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อจะเชื่อมโยงทุกระบบให้ได้ ในระยะเวลาที่เราอยู่นี้นะครับ แบบไร้รอยต่อ แต่ก็ต้องทำกันต่อไปในวันหน้าด้วยนะครับ มันทำไม่เสร็จหรอก ต้องแก้ของเก่าที่เป็นปัญหาเร่งด่วนก่อน วางระบบใหม่ให้ครบวงจร และก็รีบดำเนินการให้ได้เพื่อพวกเราทุกคนและลูกหลาน ในอนาคตนะครับ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จิตสำนึก ในเรื่องของวินัยจราจร การมีน้ำใจ การใช้รถใช้ถนน ไม่ฝ่าฝืนกฏจราจร ไม่จอดรถในพื้นที่ห้ามจอด มีการให้ทางเป็นต้นนะครับ ก็ได้ปรับปรุงหลายอย่างทั้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ ก็ต้องดูว่าจะทำยังไงกันทั้งคู่ จะได้ไม่ต้องมีความขัดแย้ง มีผลประโยชน์ตอบแทน ทุจริตทำนองนี้มันจะต้องไม่เกิดขึ้น ความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนเนี่ยมันมากไง ปัจจุบันเพราะการบังคับใช้กฎหมาย ผมเห็นเรื่องเหล่านี้มีความสำคัญทั้งหมดนะครับ อาจจะช่วยลดอุบัติเหตุได้บ้าง ลดปัญหาการจราจรได้อีกด้วย ประการสำคัญ คือเรามีงบประมาณจำกัด เราต้องค่อยๆ แก้ไป แก้ทั้งหมด วางแผนแม่บทไว้ เพราะเราแก้ไม่ได้ไง วางแผนแม่บทใหญ่เอาไว้ วันหน้าก็ส่งต่อไป รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ทำต่อไป จะได้ใช้งบประมาณประเทศที่เป็นไปตามระเบียบ การใช้จ่ายของรัฐบาล ระบบการเงิน การคลัง ของประเทศก็ไม่เสียหาย หลายอย่างนะครับ ถ้าเราเริ่มมานานแล้วเนี่ย ไม่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น มันก็คงไม่หนักหนาสาหัสขนาดนี้นะครับ ถ้าเรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทุกเรื่องไปแก้ที่ปลายเหตึ มันจะได้ยังไงล่ะ ต้องไปดูที่ต้นเหตุก่อนนะครับ ล่าสุดการสูบบุหรี่ในรถแท็กซี่สาธารณะ ทั้งคนขับและผู้โดยสาร ถือเป็นเรื่องผอดกฎหมายนะครับ ก็ขอความร่วมมือด้วย จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 กันยายน เป็นต้นไป สำหรับการประชุมในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)ก็ได้มีการเห็นชอบใน 3 เรื่องที่สำคัญ ได้แก่ (1) ได้อนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการในกลุ่มต่างๆ จำนวน 34 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน เกือบ2.7 แสนล้านบาท ใน 6 กลุ่ม ซึ่งโครงการเหล่านี้คาดว่าจะส่งเสริมให้มีการใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิต กว่า 1.6 แสนล้านบาท นอกจากนั้น ยังกระตุ้นในกิจกรรมต่อเนื่องที่เรียกว่า ห่วงโซ่อุปทาน ในสินค้าและบริการต่างๆ ในท้องถิ่น และในภาพรวมของประเทศ อีกด้วย (2) การส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) นะครับที่เราเตรียมการสู่การเป็น Hub ในเรื่องนี้ เราเป็น 1 ใน 10 ของอุตสาหกรรมเป้าหมายนะครับที่กำหนดไว้ เรื่องทางการแพทย์เนี่ย เพราะฉะนั้นตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล เราจะต้องให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่กิจการผลิตยา อาจจะต้องมีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้ง กิจการผลิตเครื่องมือแพทย์ นะครับ นอกจากจะเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร” แล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของคนในประเทศ ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงยา เครื่องมือแพทย์ ลดการขาดดุลการค้าจากการนำเข้ายาและเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ อีกด้วยนะครับ หลายอย่างเราผลิตได้แล้ว ผมก็ได้ให้แก้ไขเรื่องงบประมาณไปแล้วนะครับ ทุกหน่วยงานก็ต้องสนับสนุนผลงานวิจัย การผลิตภายในประเทศไปใช้งานนะครับ รับรองมาตรฐานให้ได้แล้วกันนะครับ (3) มาตรการส่งเสริมเมืองต้นแบบ ที่จะเป็นการแก้ปัญหาในภาคใต้ด้วยนะครับ เรียกว่า “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เราจะมีการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมพื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้ ได้แก่ อ.หนองจิก จว.ปัตตานี เป็นเมืองต้นแบบ นะครับ ในเรื่องของ “การพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน” อ.เบตง จว.ยะลา เป็นเมืองต้นแบบ “การพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน”และ อ.สุไหงโกลก จว.นราธิวาส เป็นเมืองต้นแบบ “การค้าชายแดนระหว่างประเทศ” ทั้งนี้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับโครงการลงทุนใหม่ใน 3 พื้นที่ดังกล่าว ได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ค่าประปา ค่าลดหย่อนอากรขาเข้า 90% สำหรับวัตถุดิบนำเข้ามาผลิต เพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นเวลา 10 ปี ถ้าไม่ทำแบบนี้ไม่มีใครมาลงทุน การใช้วัสดุภายในประเทศมันก็ไม่เกิดอีกนะครับบางอย่าง เราจะยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบและวัสดุจำเป็นสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก เป็นระยะเวลา 10 ปี เป็นต้น เพื่อสร้างแรงจูงใจนะครับ ผมก็ได้เน้นย้ำและให้แนวทางกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือต้องพิจารณาทั้งการลงทุนจากต่างประเทศ การลงทุนของภาคธุรกิจและเอกชนในประเทศไทย รวมถึงการลงทุนของภาคธุรกิจเอกชนที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ ไม่ให้ 3 อย่างมาขัดแย้งกันอีกนะครับ มันเกิดไม่ได้หรอกถ้าขัดแย้งกันอยู่ ต้องประสานทั้ง 3 ส่วนนะครับเพื่อจะเชื่อมโยงกันให้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลจำเป็นต้องส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น จากทั้งในพื้นที่ นอกพื้นที่ในต่างประเทศนะครับ ไม่ให้ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ประชาชนจะเดือดร้อนน้อยที่สุด มีมาตรการช่วยเหลือเยียวยา ที่เหมาะสมนะครับ ก็เป็นกรณีๆ ไปนะครับ ไม่ใช่ทำทั้งหมดทีเดียวทั้งพื้นที่ เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว มันต้องเป็นจุดๆไป ตรงไหนเดือดร้อนก็เยียวยา แล้วหาประโยชน์ให้เขาได้ประโยชน์จากการทำดังกล่าวด้วยนะครับ การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศนั้น มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าบ้านเมือง เราไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความมั่นคง ทางด้านการเมือง ทางด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามนะครับ การที่จะทำให้เศรษฐกิจระดับฐานราก คือคนที่มีรายได้น้อยนั้น ที่เรียกว่า ระดับรากแก้ว ด้วยนะครับ มีเงินเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจทางด้านการค้า การลงทุน การส่งออก-นำเข้า และภาคอุตสาหกรรม อื่นๆ นะครับ จะต้องดำเนินการให้เกิดความเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ไม่ใช่ปล่อย ต่างคนต่างทำกันไป มันก็เชื่อมโยงกันไม่ได้นะครับ ถ้าเราทำกันได้ในประเทศ มันก็เข้มแข็งขึ้น มีรายได้มากขึ้น คนรายได้น้อยก็ได้มากขึ้น หากไม่ทำอะไรเลย มันก็เท่าเดิม นะครับ ก็เหมือนเดิมที่ผ่านมาหลายสิบปีมาแล้ว เราจะได้ขยายความเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV และต่างประเทศอื่นๆ ที่เงียบไปก็มีก็รถไฟความเร็วสูงบางเส้น หรือรถไฟทางคู่ ก็จำเป็นต้องปรับปรุงทั้งรถไฟทางคู่ที่มีมาตรฐานราง 1 เมตรเดิมนะครับ แล้วก็มาตรฐานใหม่คือ 1.425 เมตร นะครับ มันต้องทำทั้งคู่นะ มันจะได้รองรับน้ำหนักได้มากขึ้น วิ่งเร็วมากขึ้น ต้องดูทางเลี้ยวทางโค้ง วิ่งสวนกันได้ มันต้องทำทุกอย่างอ้ะนะ ไม่ใช่ 1 เมตรอย่างเดียว 1.5 อย่างเดียว หรือรือความเร็วสูงอย่างเดียว มันไม่ใช่นะครับ อย่าไปบิดเบือนกัน เราจะต้องทำทุกอย่างให้มันเกิดขึ้นได้ นะครับ หากไม่มีแรงจูงใจใครเลย มันก็ไม่มีใครมา เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผล ที่จะต่อต้านกันต่อไปโดย อาจจะมีนักสิทธิมนุษยชน ที่มองด้านเดียวนะครับ ไม่รับผิดชอบว่าประเทศไทย คนไทยจะอยู่กันอย่างไร อันนี้ผมไม่ได้ตำหนิท่านนะครับ เพียงแต่ ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจ บทบาทและฐานะท่าน ใน 2อย่างนะครับ ทั้งตัวเอง ทั้งกิจกรรมของท่าน และในเรื่องที่ต้องเกี่ยวพันกับต่างประเทศ แต่ในประเทศล่ะครับ เพราะเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของท่านเอง เพราะฉะนั้น ไม่งั้น การพัฒนาอาชีพมันเกิดขึ้นไม่ได้นะครับ ถ้าไม่มีการพัฒนา คิดแบบเดิม กติกาต่างประเทศเขาก็มีอยู่ เราจะอยู่ตรงไหน กำหนดบทบาทตัวเองตรงไหน เราต้องมีศักยภาพก่อนนะครับ วันนี้เราเสียเวลากับความขัดแย้งมานานพอสมควร ศักยภาพเราลดลงไปเรื่อยๆ ก็ต้องดึงความเชื่อมั่นกลับมานะครับ สำหรับการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ทุกคนเป็นห่วง รัฐบาลนี่ห่วงมากที่สุดอยู่แล้ว เพราะมันเป็นความเป็นความตายของประชาชน ผมอยากจะเรียนให้ทราบอีกครั้งหนึ่งนะครับ เพื่อทำความเข้าใจกันนะ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ มันอยู่ที่ ประชาชน /ประชาสังคม /NGO / เจ้าหน้าที่รัฐ / นักวิชาการ /นิสิต นักศึกษา ทั้งหมดนะครับ ในพื้นที่นอกพื้นที่ด้วย สื่อ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ โซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งหมด ต้องเข้าใจปัญหา ร่วมมือกันแก้ไข และ แสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ เป็นประโยชน์ผมฟังหมดนะ มาพิจารณาทั้งหมดนะครับ อะไรทำได้ทำไม่ได้ วิธีการแก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน เช่นนี้นะครับ ไม่ใช่ว่าจะกำหนดเวลาว่าจะต้องยุติเมื่อไหร่ ช้าหรือเร็ว เพราะมันเกิดมานานแล้ว มันก็ยิ่งพันกันไปเรื่อยถ้าเราไม่แกะออกมา การแกะเรื่องปัญหาออกมานี่มันยากนะครับ สิ่งสำคัญวันนี้ที่เราต้องเร่งอยู่ก็คือ ทำอย่างไรประชาชนจะปลอดภัย มีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องที่เราต้องพิจารณาร่วมกันก็มีดังนี้นะครับ ประเด็นแรกความยากง่ายในการทำงาน วันนี้ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลานั้น ประชาชนต้องการมีการสัญจรไปมา ในชีวิตประจำวัน มีการใช้ชีวิตตามปรกติ ตลอด 24 ชม. เป็นภาระ และหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ในการที่จะต้องคุ้มครองเพิ่มมากขึ้น ทุกเส้นทาง ทุกกลุ่ม ทุกเวลา กรีดยางบ้าง ค้าขายบ้าง ครู ไปเรียนหนังสือบ้าง อะไรเหล่านี้ เป็น เป้าหมายที่อ่อนแอทั้งสิ้น เราต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก มีการเพิ่มกำลังจากนอกพื้นที่เข้าไป ทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน แต่จำเป็นต้องมีการฝึกเตรียมการก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่นะครับ ไม่ใช่เอากำลังไปรบกับใคร ไปดูแลความปลอดภัย แล้วก็ มีภารกิจในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเราก็กระทำได้อย่างจำกัดอีก นะครับ เพราะ ประชาชนต้องการเสรีในการใช้ชีวิต ไม่เหมือนต่างประเทศเขาหรอก ถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้ เขาปิดทั้งหมด บังคับทั้งหมด แล้วก็กวาดล้าง ใช้กำหลังเข้าไป เขาทำได้