MTC ผู้นำสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ของเมืองไทย ปลื้มหุ้นกู้ 2 รุ่น วงเงิน 4,000 ล้านบาทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ตอกย้ำความเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ด้านผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ” พร้อมลุยปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อและทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ และเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 แห่ง ดันพอร์ตสินเชื่อปี 64 โต 20-25% รักษาระดับนิวไฮต่อเนื่อง นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ที่บริษัทฯ เปิดขายจำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย หุ้นกู้ อายุ 2 ปี 2 วัน อัตราผลตอบแทน 2.95% ต่อปี และหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 19 วัน อัตราผลตอบแทน 3.23% ต่อปี วงเงิน 4,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 18-19 และ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม โดยมียอดจองซื้อเกินจำนวน ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ สอดรับกับผลการดำเนินงานที่เติบโตแข็งแกร่ง สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจ MTC ด้วยดีเสมอมา โดยบริษัทเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้รองรับแผนขยายธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งในปี 2564 วางเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโต 20-25% และมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีสาขาครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศกว่า 5,400 สาขา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้อยู่ที่ BBB+ แนวโน้ม “คงที่”ประเมินโดย“ทริสเรทติ้ง” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ครั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายพอร์ตสินเชื่อ สำหรับ MTC เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อย โดยปัจจุบันบริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 4,884 สาขา กระจายอยู่ใน 74 จังหวัดทั่วประเทศ ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,214 ล้านบาท โดยพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 70,607 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.06% เทียบพอร์ตสินเชื่อรวม และมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆที่ยังไม่เบิกใช้จำนวนทั้งสิ้น 8,870 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมีสภาพคล่องที่เพียงพอ บริการของบริษัทแบ่งเป็น 5 ธุรกิจได้แก่ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีโฉนดที่ดินและห้องชุด (คอนโด) เป็นหลักประกัน ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย