วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในพื้นที่จังหวัดสงขลาหลังจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกรายงานสภาพอากาศ ว่า จะมีลมตะวันออกพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ชาวประมงที่มีอาชีพทอดแห จึงเริ่มนำแหมาทอดจับปลากระบอกปลายเขื่อนปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา อีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา คลื่นลมแรงปลากระบอกหนีหายต้องหยุดทอดแหไปหลายวัน โดยวันนี้ (22 ก.พ.) บริเวณปลายเขื่อนปากร่องน้ำ ทะเลเรียบไม่มีคลื่น ชาวประมงทยอยกันเดินทางมาทอดแหจับปลากระบอกรวมทั้งปลาขี้ตังโดยสามารถจับปลากระบอกสร้างรายได้ในราคากิโลกรัมละ 350-400 บาทขึ้นอยู่กับขนาดของปลาด้วย ในขณะเดียวกัน บริเวณปากร่องน้ำแห่งนี้ ยังเป็นที่วางอวนกัดจับปลาของชาวประมงพื้นบ้านเช่นเดียวกัน โดยใช้เรือหางยาว นำอวนกัดมาวางเพียงคนเดียว ด้วยความชำนาญ เพราะทำมานานเป็นแรมปี สำหรับชาวประมงทอดแห จะยืนเรียงกันบริเวณริมเขื่อนและเหวี่ยงแหออกไป สลับกันไป โดยไม่มีการหยุด เนื่องจากการทอดแหขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคน เพราะปลาอยู่ในทะเลมองไม่เห็น ใครดวงดีโชคดีก็เหวี่ยงแหจับปลาได้ บางคนเหวี่ยงแหต่อเนื่องกัน 10 กว่าครั้งก็ยังไม่ติดปลา บางคนครั้งเดียวก็ได้ปลาแล้ว โดยทุกคนเดินทางมาทอดแหบริเวณดังกล่าวแต่เวลา ช่วง 05.00 น. แล้วจะกลับไปช่วงเย็นๆประมาณ 17.00 น. ทุกวัน โดยไม่มีวันหยุด ซึ่ง นายสุรชัย โคตะ วัย 52 ปี ที่เจอพิษโควิด - 19 จากที่เคยเป็นช่างเหล็กต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นชาวประมงทอดแห กล่าวว่า การจับปลากระบอกจะเป็นบางช่วง ช่วงที่น้ำขึ้นและน้ำลง ส่วนสภาพคลื่นลมแรงกับทะเลเรียบในการทอดแหจับปลากระบอก ทะเลเรียบจะดีกว่า เนื่องจากแหมันจะไม่ลอย โดยเริ่มมาทอดแหตั้งแต่ 05.00 น. สำหรับปลากระบอกที่จับได้กว่า 1 กิโลกรัม ในช่วงนี้ ราคาปลากระบอกอยู่ที่กิโลกรัมละ 350 - 400 บาท