เครือข่ายสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดชุมพร ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการสมทบงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาระบบสวัสดิการชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สังคมที่ยังยืน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี เครือข่ายสวัสดิการชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดเวทีลงงบันทึกความร่วมมือว่าด้วย “การสมทบงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาระบบสวัสดิการชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สังคมที่ยังยืน”
กลุ่มเป้าหมายจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน31 กองทุน จังหวัดชุมพร จำนวน 9 กองทุนโดยมีผู้แทนองค์กรชุมชนชนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดชุมพร ร่วมลงนาม ได้รับเกียรติจาก นายแก้ว สังข์ชู ประธานเครือข่ายสวัสดิการชุมชนระดับชาติ และผู้เข้าร่วมจำนวน 120 คน เพื่อเป็นสักขีพยาน
ปัจจุบันมีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนทั่วประเทศแล้ว จำนวน 6,000 กว่ากองทุน เป็นกองทุนในระดับตำบล เทศบาล และเขต (ในกรุงเทพฯ) มีสมาชิกมากกว่า 6 ล้านคน มีเงินกองทุนรวมกันประมาณ 17,000 ล้านบาท จัดสวัสดิการพื้นฐานให้สมาชิกและผู้ได้รับความทุกข์ยากในชุมชน ครอบคลุมตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อาชีพ การศึกษา แก้ไขปัญหาครอบครัว ชุมชน ฟื้นฟูวัฒนธรรม ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จัดที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน และการช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติต่างๆ
นายแก้ว สังข์ชู ประธานเครือข่ายสวัสดิการชุมชนระดับชาติ เปิดเผยว่า เงินในกองทุนสวัสดิการชุมชนส่วนใหญ่มาจากการสมทบบริจาคจากคนในชุมชนเกือบ 60% โดยใช้หลักการบริหารอยู่ 4 หลัก คือ หลักที่หนึ่ง ความดีของคนในชุมชน หลักที่สอง คือความงามของวิถีวัฒนธรรมในชุมชน หลักที่สาม คือความสามารถของคนในชุมชน และหลักที่สี่ คือความโปร่งใส โดยใช้ 4 หลักนี้ในการปฏิบัติอย่างยั่งยืนเพื่อต้องการที่จะยกระดับกองทุนสวัสดิการชุมชนทั่วประเทศให้เข้มแข็งและสร้างชุมชนเข้มแข็งไปด้วย
“เป้าหมายสำคัญของกองทุนสวัสดิการชุมชน คือคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น ไม่ว่าใครจะอยู่ที่ไหน อย่างไร กองทุนจะต้องไปเสริมให้ได้ หลักสำคัญคือเราไม่ได้ทำแข่งกับรัฐ แต่เราต้องเสริมรัฐและคอยหนุนส่งเสริมช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชนเพื่อปิดช่องโหว่ลดช่องว่างที่ชาวบ้านเข้าไม่ถึงสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ภัยพิบัติน้ำท่วมที่ภาคใต้ กองทุนสวัสดิการชุมชนสามารถนำทรัพยากรและบุคลากรลงไปช่วยเหลือพี่น้องได้ทันที ในวันนี้มีความปีติยินดี ที่สวัสดิการชุมชนได้มาบันทึกความร่วมมือ ได้ช่วยกันสร้างให้ชุมชนเข้มแข็ง ทั้ง 6,000 กว่ากองทุน ” นายแก้วกล่าว