“วัฒนา” ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลคัดค้านฝากขังคดีปลุกปั่น - พ.ร.บ.คอมฯ ลั่น 1 ก.ย.มาอีก ครบฝากขัง ไม่มี “ยิ่งลักษณ์” ไม่กระทบพรรค โวพรรคจะยิ่งเข้มแข็งต่อสู้เพื่อประชาชนไม่มีข้ออ้างสู้เพื่อตระกูลใด ด้านศาลยกคำร้องขอไต่สวนข่มขู่ทนายความ เหตุไม่ใช่ผู้เสียหาย เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 ส.ค. 60 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และผู้ต้องหาในคดีกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 พร้อมทนายความ เดินทางมายื่นอุทธรณ์คัดค้านการฝากขังของตน หลังจากที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ยื่นฝากขัง และศาลได้อนุญาตฝากขังเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าตามคำร้องของพนักงานสอบสวน ปอท.ไม่ได้อ้างเหตุจำเป็นตามกฎหมายที่จะต้องควบคุมตัวนายวัฒนา และการที่นายวัฒนาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ย่อมถือได้ว่าไม่มีเจตนาหลบหนี ไม่มีเหตุจำเป็นต้องควบคุมตัว คำสั่งศาลที่อนุญาตตามคำร้องของพนักงานสอบสวนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ นายวัฒนา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญสันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ การควบคุมตัวต้องกระทำเท่าที่จำเป็นไม่ให้หลบหนี แต่ตนมาแสดงตัวไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ไม่จำเป็นที่พนักงานสอบสวนจะขอให้ศาลควบคุมตน จึงมายื่นอุทธรณ์คัดค้าน ส่วนกรณีที่ขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวนข่มขู่ทนายความนั้น อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ตนไม่ได้มาติดตาม และไม่มีการแจ้งผลกลับมาว่าเป็นอย่างไร ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งครบกำหนดการฝากขัง ตนก็จะมายื่นคัดค้านต่อศาลอาญาอีก เขาไม่มีสิทธิฝากขังตน เป็นการเลือกปฏิบัติด้วย คนอื่นไปแสดงตัวปล่อยกลับหมด แต่เอาตนมาฝากขังเป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีโครงการรับจำนำข้าว และอนาคตของพรรคเพื่อไทยต่อไป นายวัฒนา กล่าวว่า เรื่องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ตัดสินใจไม่มาฟังคำพิพากษาเป็นดุลยพินิจส่วนตัวของท่าน ตนไม่ก้าวล่วง ส่วนจะมีผลอะไรต่อพรรคเพื่อไทยนั้นไม่มี เพราะพรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนไม่เปลี่ยนแปลง ตรงกันข้ามถ้ามองในแง่ดี ที่ผ่านมาหลายคนมองว่าพรรคนี้สู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง จะไม่มีข้ออ้างนี้อีกแล้ว เป็นการสู้เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เราจะรักกันมากขึ้น ส่วนการเลือกผู้นำพรรคยังทำไม่ได้ เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ให้มีการประชุม ถ้ามีการประชุมคงมีการเลือกผู้นำพรรคต่อไป “ผมมองว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยจะมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อข้ออ้างของหลายคนที่ว่าพรรคนี้เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง ตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งมันหมดไปแล้ว วันนี้จบแล้ว ดังนั้นต่อไปผมคิดว่าคนที่เป็นกลางๆ เช่นนักวิชาการ ครูบาอาจารย์ หรือประชาชนทั่วไปจะหันมาสนับสนุนพรรคการเมืองนี้มากขึ้น เพราะไม่มีข้ออ้างอีกแล้ว และผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีการต่อสู้กับเผด็จการอย่างชัดเจนที่สุด พรรคอื่นก็เห็นอิงแอบกัน” นายวัฒนา กล่าว เมื่อถามว่ามีความคาดหวังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะกลับมาหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ตอบแทนท่านไม่ได้ ตนเชื่อว่าวันหนึ่งจะต้องมีการสื่อสารมายังประชาชนแน่นอน ตอนนี้เพิ่งกะทันหันคงไม่มีใครไปคิดอะไรแทนท่านได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายวัฒนาให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ตำรวจศาลได้เข้ามาเชิญตัวนายวัฒนาพร้อมทนายความลงไปที่ห้องเวรชี้ ชั้น 1 ของศาลอาญา โดยแจ้งว่าผู้บริหารศาลอาญาให้เข้าพบเพื่อจะสอบถามนายวัฒนาเพิ่มเติม ขณะที่นายสุภัทร์ สุทธิมนัส อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องที่นายวัฒนายื่นขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวน ปอท. มาไต่สวนกรณีประพฤติตนไม่เหมาะสมในบริเวณศาลด้วยการพูดจาลักษณะข่มขู่ทนายความของนายวัฒนาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างการยื่นฝากขังนายวัฒนาว่า ได้พิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า คำร้องนั้นซึ่งลงชื่อนายวัฒนา โดยตัวนายวัฒนามิใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าวแล้ว