ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ เผยว่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ซึ่งพบเห็นได้อย่างมากมายและมีผู้บริโภคหลงเชื่อและถูกหลอกตามโฆษณาเป็นจำนวนมาก การคุ้มครองผู้บริโภคจากการโฆษณาเกินจริงนั้นตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22 เป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการโฆษณาด้วยข้อความที่ไม่เป็นธรรมหรือก่อผลเสียแก่สังคมโดยรวม การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่งมอบการจัดหาหรือการใช้ สินค้าหรือบริการ
โดนกรณียา : ข้อความโฆษณาห้ามโอ้อวดว่าสามารถป้องกัน รักษาได้อย่างศักดิ์สิทธิ์ หรือ หายขาด ห้ามแสดงสรรพคุณเป็นเท็จเกินจริง หรือทำให้เข้าใจผิดในส่วนประกอบของยา ห้ามโฆษณาทำให้เข้าใจว่าเป็นยาแท้งลูก ยาขับระดู หรือเป็นยาคุมกำเนิด หรือยาบำรุงกาม ห้ามโฆษณาสรรพคุณยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ ห้ามรับรองหรือยกย่องสรรพคุณยาโดยบุคคลอื่น ห้ามโฆษณาว่าสามารถบรรเทา รักษา ป้องกันโรคมะเร็ง อัมพาต วัณโรค โรคเรื้อน เบาหวาน หรือโรคอาการเกี่ยวกับสมอง หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ไต ทั้งนี้หากผู้ใดโฆษณาขายยาโดยฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีอาหาร : ข้อความโฆษณาห้ามแสดงคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารที่เป็นเท็จโอ้อวดเกินจริง หรือหลอกลวง ต้องโฆษณาตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หากผู้ใดโฆษณาอาหารโดยฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีสายด่วน อย.1556 หรืออีเมล [email protected] สามารถแจ้งร้องเรียนสินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ซึ่งได้เก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,118 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 3 - 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เคยพบเห็น ร้อยละ 83.9 โดยรู้สึกว่า สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง เป็นเรื่องปกติ ร้อยละ 49.3 และเคยซื้อสินค้าเพราะหลงเชื่อจากการที่สินค้ามีการโฆษณาเกินจริง ร้อยละ 53 ,เคยพบเห็น สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง เป็นสินค้าประเภทอาหารเสริม มากที่สุด ร้อยละ 48.8 อันดับที่สองคือเครื่องสำอาง ร้อยละ 21.4 อันดับที่สามคือ เครื่องดื่ม ร้อยละ 10.8 อันดับที่สี่คือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ร้อยละ 9.3 และอันดับที่ห้าคือ อุปกรณ์ประกอบอาหาร ร้อยละ 8.3 และเคยพบเห็น สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ผ่านสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Facebook Line) มากที่สุด ร้อยละ 40.1 อันดับที่สองคืออินเตอร์เน็ต (เว็บไซด์) ร้อยละ 26.5 อันดับที่สามคือ โทรทัศน์ ร้อยละ 19.8 อันดับที่สี่คือ หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 8.1และอันดับที่ห้าคือ วิทยุกระจายเสียง ร้อยละ 4.2
อีกทั้งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ทราบว่าหากพบสินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง สามารถแจ้งร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ที่สายด่วน อย.1556 หรืออีเมล [email protected] ร้อยละ 49.1 และคิดว่าพบเห็น สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง จะแจ้งให้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูลข่าวสารให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการเกี่ยวกับ สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ร้อยละ 51 ส่วนคิดว่าในปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มีสินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ร้อยละ 53.7 และอยากให้ทางรัฐบาล เข้มงวดในการป้องกันไม่ให้มี สินค้าที่มีการโฆษณาเกินจริง ร้อยละ 87.2
