"วินธัย"ลั่น อย่ากล่าวหา “รัฐบาล-คสช.”ปล่อย “ยิ่งลักษณ์”หนี หวั่นสังคมเข้าใจผิด ด้าน “สรรเสริญ” บอก ทำงานลำบาก เพราะสังคมคอยกดดัน วันที่ 27 ส.ค.60 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีที่มีการให้ความเห็นผ่านสื่อว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลในคดีโครงการรับจำนำข้าว เพราะมีการตกลงสมยอมกันระหว่างผู้ต้องหาและผู้มีอำนาจนั้น ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาการบริหารงานของรัฐบาล และ คสช.เปิดเผยตรงไปตรงมา ไม่ทำสิ่งใดที่ไม่อยู่ในกรอบของกระบวนการยุติธรรมความเห็นลักษณะดังกล่าว เป็นเพียงมุมมองส่วนบุคคลที่พยายามผูกเชื่อมโยงกันเอง ตนไม่อยากให้มีการกล่าวหาพาดพิงกัน โดยที่ไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ใดๆ เพราะจะทำให้สังคมติดหล่มอยู่ในวังวนทางการเมืองแบบเดิมๆ และไม่อยากใครให้ความเห็นในลักษณะสร้างความสับสนให้สังคม เพราะบางครั้งอาจทำให้สังคมเข้าใจผิด จนมีผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ของบุคคลหรือองค์กรได้ ส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตามนัดศาล เป็นเรื่องของกระบวนการหรือกลไกที่เกี่ยวข้อง จะได้ทำหน้าที่ไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมในระบบที่มีอยู่ให้ได้อย่างดีที่สุด ด้านพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งคำถามกับรัฐบาลและคสช.ที่ปล่อยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางออกนอกประเทศว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคอยติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ เวลาเดินทางไปไหน ก็มีคำถามจากสังคมมาเช่นกันว่าเขายังไม่ได้เป็นผู้ที่ถูกตัดสินว่าถูกหรือผิด การไปติดตามมากเกินไปเป็นการละเมิดสิทธิหรือไม่ สื่อก็เคยตั้งคำถามลักษณะแบบนี้ต้องการบอกเจ้าหน้าที่ว่าควรทำแค่ไหนอย่างไร เขาไม่มีเสรีภาพหรืออย่างไรการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จึงเป็นไปอย่างยากลำบากพอสมควร เราคงไม่สามารถติดตามได้กระชั้นชิดเพราะมีส่วนหนึ่งของสังคมที่คอยกดดันอย่างนี้อยู่ พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า เรื่องคดีความทั้งหลายโดยเฉพาะการจำนำข้าวมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับคำตัดสินของศาลหลายราย แตกต่างกันไป ทั้งหมดนี้มีกระบวนอยากให้ทุกคนเคารพขั้นตอนการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ไม่อยากให้คนไทยพูดจา ถากถางเสียดสีกัน โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย มีการทำรูป ใช้คำพูดเยาะเย้ย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็แล้วแต่ ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 ประเทศไทยมีความคิดแตกต่างกันสุดขั้ว ประเคนอารมณ์ความรู้สึกทั้งคำพูดและวิธีนำเสนอเข้าใส่กัน หลัง22 พ.ค.57 ถามว่าความคุกรุ่นในใจแต่ละคนเบาบางลงหรือยัง ส่วนตัวคิดว่าเบาบางลงแล้ว แต่ยังไม่หมดไป เพราะไม่มีเวทีสร้างความขัดแย้งวันนี้เริ่มประเคนอารมณ์เข้าใส่กันอีกแล้ว จึงอยากวิงวอนขอความร่วมมือจากสังคมอยากให้มีจิตเมตตาต่อกัน อย่าทำอะไรที่ทำให้รอยแผลที่เคยร้าวลึกในอดีตสมานได้ยาก ปล่อยให้เป็นไปกระบวนการยุติธรรมดีกว่าหรือไม่ ทุกฝ่ายมีคนรักคนชอบ แต่อย่าความรักความชอบทำให้การเดินหน้าประเทศเสียไป หรือทำให้อารมณ์ที่เคยเบาบางไปแล้วไปในระยะเวลาเกือบ 3 ปีปะทุขึ้นมาอีก