วันที่ 21 ก.พ.64 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค แถลงข่าวถึงการนัดประชุมร่วมของรัฐสภาในการพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้นัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 24-25 ก.พ. สำหรับพรรคได้มีการเรียกประชุมส.ส.ของพรรคในวันอังคารที่ 23 ก.พ. เวลา 13.00 น. เพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายญัตติดังกล่าว
นายราเมศ กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนั้น แม้จะมีการใช้ร่างของรัฐบาลเป็นหลัก แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการของการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ก็มีหลายส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการเพิ่มเติมไปจากร่างเดิม ก็มีหลายคนสงวนความเห็นไว้ ซึ่งมีส.ส.หลายคนที่ได้แปรญัตติไว้ และกมธ.หลายคนได้สงวนความเห็นไว้ เนื่องจากมีหลายมาตราที่ได้มีการแก้ไข มีรายละเอียดแตกต่างไปจากเดิม
“นี่เป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่จะมีการอภิปราย เช่นกรณีที่จะมีการกำหนดให้มีภาคส่วนของนิสิต นักศึกษา เยาวชนที่กำหนดไว้เป็นสัดส่วนของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ขณะนี้หากดูจากตัวร่างเดิมจะเห็นว่าร่างที่นำมาให้ส.ส.ดู การเข้ามามีส่วนร่วมของนิสิต นักศึกษา ได้มีการแตกต่างออกไป ซึ่งส่วนนี้จะมีการอภิปรายเพื่อให้กรรมาธิการทบทวนว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้นิสิต นักศึกษา เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมยกร่างหรือเข้ามามีส่วนร่วมหากมีสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวต่อว่า หากมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจะได้นำเจตนารมณ์ของส.ส.ว่าในการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าแต่ละภาคส่วนควรจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงนิสิต นักศึกษา สำหรับญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ที่มีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องแล้วและได้มีคำสั่งให้นำคำร้องไปถามความเห็น หรือไตร่สวนพยานสามถึงสี่คน ซึ่งเป็นกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการตามกระบวนการ
แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีคำสั่งให้รัฐสภายุติการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญไว้ชั่วคราวก่อน ฉะนั้นในการประชุมเพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 วันที่ 24-25 กุมภาพันธ์นี้ก็จะมีการดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าพรรคยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมคือผลักดันให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและจะผลักดันในวาระ 2-3
“อาจจะมีส.ส.บางคนที่กมธ.ได้มีการแก้ไขในมาตรา 256 จะมีการเปลี่ยนแปลงจากคะแนนเสียง 3 ใน 5 เป็นคะแนนเสียง 2 ใน 3 ซึ่งได้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยน ซึ่งมีหลายคนที่ติดใจเรื่องดังกล่าว เพราะหากเป็นคะแนนเสียง 3 ใน 5 ก็จะใช้จำนวนสมาชิกประมาณ 450 คน แต่หากใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จะใช้คะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภาเป็นจำนวนถึง 500 คนซึ่ฃจะได้นำไปพูดคุยกันในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 24-25ก.พ. นี้” นายราเมศ กล่าว