วันที่ 20 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า น.ส.วิลัย หนูเสน อายุ 33 ปี เจ้าของร้านขายของชำ ตั้งอยู่บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรนางรอง ในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมชาวบ้านได้ช่วยกันนำตัว นายโอภาษ แนบเนียน อายุ 23 ปี ส่งตำรวจ สภ.นางรอง ดำเนินคดี หลังได้ก่อเหตุลักขโมยเงินในร้านขายของชำ แล้ว น.ส.วิลัย เจ้าของร้านออกมาเห็นจึงถือท่อนไม้วิ่งไล่ตามนายโอภาษ คนร้ายพยายามวิ่งหนีเข้าป่า แต่ช่วงจังหวะที่วิ่งหลบหนีนายโอภาษ เกิดสะดุดล้ม น.ส.วิลัย เจ้าของร้านที่วิ่งไล่ตามคนร้าย จึงตะโกนให้ชาวบ้านช่วยเข้าล็อกตัวคนร้าย ก่อนจะนำส่งตำรวจ
ซึ่งจากการตรวจต้นภายในตัวนายโอภาษ ก็ต้องจำนนด้วยหลักฐานเมื่อพบธนบัตร ฉบับละ 20 บาทนับได้ จำนวน 340 บาทที่ขโมยมาจากร้านขายของชำซุกอยู่ในกระเป๋า โดย น.ส.วิลัย เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังหุงข้าวอยู่ข้างบ้าน ได้ยินเสียงกระป๋องที่ใช้สำหรับเก็บเงินที่ได้จากการขายของและเป็นเงินทอน จึงรีบออกมาดูก็เห็นผู้ก่อเหตุกำลังขโมยเงินในกระป๋องและพยายามวิ่งหนีเข้าป่า ตนจึงนำท่อนไม้ไผ่วิ่งไล่คนร้ายเป็นระยะทางไกลกว่า 200 เมตร แต่เหมือนกรรมติดจรวดจู่ๆ คนร้ายก็เกิดสะดุดล้ม ตนจึงเข้าตะครุบตัวไว้จากนั้นพ่อและชาวบ้านก็เข้ามาช่วยล็อกตัวแล้วนำส่งตำรวจ สภ.นางรอง
ทั้งนี้ น.ส.วิลัย ยังบอกอีกว่า หลังจากโควิดระบาดระลอกสอง ก็ขายของลำบากทั้งวันเพิ่งจะขายได้แค่ 340 บาท ที่คนร้ายขโมยไปถึงแม้เงินจะไม่มากแต่ถ้าไม่ได้คืนก็ขาดทุน จึงตัดสินใจวิ่งไล่ตามคนร้ายจนสามารถจับตัวได้และได้เงินคืนทั้งหมด ยอมรับว่ากลัวถ้าคนร้ายต่อสู้หรือมีอาชีพจะทำยังไงแต่ในใจตอนนั้นคิดแต่ว่าต้องเอาเงินคืนให้ได้ จึงไม่ทันคิดถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
ขณะที่ นายโอภาษ ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ที่ก่อเหตุลักขโมยเงินเพราะช่วงโควิดทำให้ตกงาน ไม่มีเงินจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยเงินในร้านขายของชำ เพื่อหวังจะเอาเงินไปใช้จ่ายซื้อของกิน ไม่คิดว่าเจ้าของร้านจะวิ่งไล่ตาม จนถูกจับตัวได้
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์” พร้อมเตือนให้ประชาชน และพ่อค้าแม่ค้าระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะช่วงที่โควิดระบาดเสี่ยงที่จะถูกลักขโมยและมิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวงทำให้สูญเสียทรัพย์สินได้