ชาวอำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย กว่า 700 คน ร่วมรำบวงสรวงหลวงพ่อพระศรีอารย์ และรำเปิดงานบุญเบิกฟ้า บูชาพระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ และของดีจังหวัดหนองคาย ประจำปี 2564 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 19 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ชมพระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ ที่มีความกว้างมณฑลรอบองค์พระธาตุ 20 เมตร ความกว้างขององค์พระธาตุ 7 เมตร สูง 32 เมตร ปีนี้ใช้มัดข้าวกว่า 2 แสนมัด รวงข้าวกว่าล้านรวงประดับตกแต่ง หนึ่งเดียวในโลก
เมื่อช่วงค่ำวันนี้(19 กุมภาพันธ์ 2564)ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานพิธีเปิดงานบุญเบิกฟ้า บูชาพระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ และของดีจังหวัดหนองคาย ประจำปี 2564 ที่จัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 19 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งในพิธีเปิดมีชาวสระใครกว่า 700คน มาร่วมรำบวงสรวงหลวงพ่อพระศรีอารย์ และรำบวงสรวงพระธาตุรวงข้าว โดยท่ารำโดยปรับประยุกต์มาจากการทำนา หลังประธานเปิดงานก็จัดให้มีการแสดงม่านพลุไฟ ความยาวประมาณ 20 เมตร มีการจุดพลุไฟประกอบแสงสีเสียง
นายเตชิต ทรงบุญศาสตร์ นายอำเภอสระใคร กล่าวว่า งานบุญเบิกฟ้า บูชาพระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ และของดีจังหวัดหนองคาย ประจำปี 2564 จัดขึ้นเพื่อเป็นการสู่ขวัญข้าวมงคลของเกษตรกร เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลก่อนฤดูทำนา เพื่อจัดทำพิธีไหว้พระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ พระคันธารราษฎร์พระพุทธรูปแห่งความอุดมสมบูรณ์ของธัญพืช ธัญญาหารต่าง ๆ และเพื่อเป็นการส่งเสริม เพิ่มมูลค่าและเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ที่มาจากข้าว และผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่น ๆ ตลอดจนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์พื้นที่ปลูกข้าวที่ดีที่สุดในประเทศไทยที่อำเภอสระใคร
นายอำเภอสระใคร กล่าวต่อไปอีกว่า ปีนี้เป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชาวอำเภอสระใครได้มีการเตรียมงานเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือน ภายในงานมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมายตลอดทั้ง 10 วัน 10 คืน เช่น แสดงม่านพลุไฟ ความยาวประมาณ 20 เมตร มีการจุดพลุไฟประกอบแสงสีเสียง พระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ ที่มีความกว้างมณฑลรอบองค์พระธาตุ 20 เมตร ความกว้างขององค์พระธาตุ 7 เมตร สูง 32 เมตร ปีนี้ใช้มัดข้าวกว่า 2 แสนมัด รวงข้าวกว่าล้านรวงประดับตกแต่ง หนึ่งเดียวในโลก ที่ประดับตกแต่งไฟแสงสีสวยงาม มีหุ่นจักสานไม้ไผ่สานยักษ์ ความสูงแต่ละตัวไม่ต่ำกว่า 4 เมตร จำนวน 9 ตัว ซึ่ง 8 ตัวจะสื่อความหมายถึงทิศทั้ง 8 ทิศ ที่ใช้ในการทำนายดินฟ้าอากาศ ส่วนหุ่นจักสานยักษ์อีก 1 ตัว คือหุ่นจักสานคางคก จะสื่อถึงพระยาแถน ซึ่งเป็นผู้ควบคุมควบคุม ฝนและลมฟ้าอากาศก็มีการประดับไฟแสงสีสวยงามเช่นเดียวกัน ทางเข้าชมหุ่นจักสานไม้ไผ่ยักษ์ ได้สร้างเป็นหุ่นลิงยักษ์นอนหมอบอ้าปากให้เป็นประตูทางเข้า ถือเป็นหุ่นสานยักษ์ตัวพิเศษที่สร้างขึ้นใหม่ในปีนี้เป็นปีแรก นอกจากนี้ภายในงานยังจะมีการจัดประกวดทะเลตุงที่ทำจากดอกฝ้าย ถนนสายตุงแบบสามมิติที่ถือเป็นอเมซิ่งไทยแลนด์ได้อีกที่หนึ่ง และมีอุโมงค์ไม้ไผ่ประดับโคมไฟสวยงาม ให้ได้ชมและขึ้นไปถ่ายภาพที่ระลึกได้สวยงามอีกจุดหนึ่งด้วย.