ไม่ได้โกรธ แต่ออกไปเถอะ! "มิ่งขวัญ" ตะเพิด "บิ๊กตู่" บอก วิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ ยากเกินแก้ แนะลดค่าครองชีพ ป้องเงินเฟ้อ ซัดมาตรการช่วยโควิด ขั้นตอนเยอะ หวั่นเปิดช่องโกง เมื่อเวลา 15.33 น. วันที่ 19 ก.พ. ที่รัฐสภา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน เนื่องจากมีความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ว่า การประกาศปิดประเทศ ประกาศเคอร์ฟิว ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยถูกปาดคอหอยทางธุรกิจ และการทำมาหากิน แม้จะควบคุมให้มีจำนวนผู้ป่วยได้หลักพันคน แต่ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยมียอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสม เมื่อวันที่ 18 ก.พ. กว่า 2.5 หมื่นคน ถือว่าขาดการบริหารจัดการ และวางแผน อย่างไรก็ดีการแก้ปัญหา ด้วยการออกกฎหมายงบประมาณ รวม 3 ฉบับ รวม 8.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณปี 2563 งบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท, พ.ร.บ.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท และงบประมาณปี 2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท แต่พบการบริหารจัดการ และแก้ปัญหาที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้พบยอดหนี้ครัวเรือนสูง 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เฉลี่ยคนเป็นหนี้กว่า 4.8 แสนบาทต่อครัวเรือน “รัฐบาลสามารถช่วยเหลือประชาชน ด้วยการลดค่าครองชีพได้ ผ่านการเจรจากับกลุ่มทุนด้านอาหาร ซึ่งผมเชื่อว่าทำได้ หากรัฐบาลไม่ยอมลดค่าครองชีพ เชื่อว่า จะเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ สิ่งที่รัฐบาลต้องสนับสนุนคืออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า นายกฯ มีความสามารถแต่ปัญหาเศรษฐกิจวิกฤตใหญ่ของชาติ ผมไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารต่อ ไม่ได้โกรธเคือง แต่ขอให้ออกจากตำแหน่ง” นายมิ่งขวัญ กล่าว นายมิ่งขวัญ อภิปรายด้วยว่าการแก้ปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านมาตรการแจกเงิน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น คนละครี่ง, เที่ยวด้วยกัน, เราชนะ พบการโกงออนไลน์ และคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนไม่สามารถลงทะเบียน ดังนั้นสิ่งที่แก้ไขได้ คือ ผ่านการแจกเงินโดยหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่าการให้ใช้งานผ่านระบบแอพลิเคชั่นนั้น เป็นการทุจริตโดยรัฐ หากรัฐทำแบบนั้นจริงแสดงว่ารัฐบาลใจดำอำมหิต นายมิ่งขวัญ อภิปรายด้วยว่าสำหรับวัคซีน ตนไม่ต้องการให้แตกตื่น แต่จากการสอบถามอาจารย์หมอ มีบางคนตอบว่าไม่ต้องการฉีด แต่บางคนบอกว่าต้องการฉีด แต่สิ่งที่ตนกังวลคือ หากบังคับให้หมอฉีดวัคซีน แล้ว พบว่าป่วย จำนวน 1 ใน 3 จะทำอย่างไร ซึ่งวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศพบว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นแล้ว