ร้านค้าเป็นปลื้ม "เราชนะ" ทำยอดขายพุ่ง หลังระบบใช้จ่ายได้ตามปกติ ขณะที่ พณ.ย้ำชัดร้านค้าต้องทำตามระเบียบ พบทุจริตพร้อมประสานกระทรวงการคลัง สั่งถอนสิทธิ์การให้บริการทันที
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19ก.พ. 2564 ที่ร้านไทยรุ่งโรจน์ ถ.กสิกรทุ่งสร้าง ตรงข้ามโรงเรียนบ้านโกทา ต.ศิลา จ.ขอนแก่น นายชัยยะเจตน์ จันทร์อักษร พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ลงตรวจพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่ให้บริการตาม โครงการ " เราชนะ" ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังได้มีการอนุมัติเงินงวดแรกให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ทั่วทั้งประเทศตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาและวันนี้เป็นวันที่ 2 ของการใช้จ่ายตามโครงการดังกล่าว โดยมีประชาชนทยอยกันเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าและใช้จ่ายผ่านโครงการเราชนะกันอย่างคึกคัก
นายธนกฤต เล่ห์รักษา เจ้าของร้านไทยรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ร้านได้เน้นย้ำกับพนักงานทุกคนว่าอย่าแลกเงินสดให้กับผู้ที่มาใช้สิทธิเพราะถ้าตรวจพบถือว่าเป็นความผิด ตามระเบียบและข้อบังคับตามที่รัฐบาลกำหนด และที่สำคัญหากพบว่ามีพนักงานในร้านกระทำการทุจริตก็จะเอาผิดถึงขั้นไล่ออกทันที เพราะที่ผ่านมานั้น ร้านพบกับลูกค้าหลากหลายรูปแบบแต่ทางร้านก็ยืนยันว่าทุกโครงการที่รัฐบาลได้อนุมัติมานั้นไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
" การใช้สิทธิ์ตามโครงการของรัฐ ทั้งเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ,คนละครึ่งและเราชนะ ร้านจะให้บริการเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเท่านั้น ไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะต้องการให้คนที่มาซื้อของร้านเราได้ของใช้จำเป็นและมีประโยชน์ ขณะที่การเปิดให้บริการเราชนะ ที่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์นั้นได้รับเงินกันแล้วจำนวน 2,000 บาท ทำให้ยอดขายของทางร้านตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมาผู้ที่มาใช้สิทธิ เราชนะ สูงขึ้นกว่าเดิม ควบคู่กับการใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ทำให้ยอดขายของทางร้านเพิ่มขึ้นเยอะมาก ร้านจึงต้องปรับระบบการสั่งซื้อสินค้ามาจำหน่ายเพิ่มเติมตลอดทั้งวัน และโดยส่วนตัวดีใจมากที่รัฐบาลออกนโยบายแบบนี้ มาให้ประชาชน จนเกิดสภาพคล่องและมีเงินมาใช้จ่ายสินค้าที่มีประโยชน์ไม่เอาเงินไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จึงเชื่อมั่นวา่ตลอดระยะเวลาของการดำเนินโครงการจะทำให้ร้านค้าของตนเองรวมถึงร้านค้าทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการมีลูกค้ามากขึ้น และร้านก็มียอดขายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน"
ขณะที่ นายชัยยะเจตน์ จันทร์อักษร พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ที่ฝากถึงผู้ที่มีสิทธิในการใช้สวัสดิการต่างๆของรัฐบาลอย่ากระทำความผิดเพราะเงินที่เติมให้ในบัตรและระบบแอพพลิเคชั่น ตามที่รัฐบาลกำหนดนั้น ให้นำไปใช้จ่ายเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น ไม่ได้อนุมัติมาเพื่อให้แลกเป็นเงินสด ซึ่งขณะนี้พาณิชย์จังหวัดได้มีการเพิกถอนสิทธิ์ร้านที่กระทำความผิดไปแล้ว 5 ราย และได้ส่งทีมงานประสานงานร่วมกับฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย ลงพื้นที่สุ่มตรวจร้านค้าครอบคลุมทั้ง 26 อำเภอซึ่งหากพบว่าร้านค้าใดกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เนื่องจากกระบวนการตรวจสอบในเรื่องของการใช้จ่ายและความสัมพันธ์ในการเบิก-จ่ายของแต่ละร้านนั้น รัฐสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้วและหากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะต้องถูกเพิกถอนและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที