วันที่ 19 ก.พ.64 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจหัวข้อ "การอภิปรายพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาผู้แทนราษฎรกระทำได้" ระบุว่า "การอภิปรายพูดถึงบุคคลภายนอกในสภาผู้แทนราษฎรกระทำได้ ต่อให้พูดแล้วบุคคลเสียหายก็ยังทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรค 3 และข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 39 กำหนดไว้ชัดเจนว่า “บุคคลภายนอกผู้เสียหายมีสิทธิขอเข้ามาชี้แจงได้ภายใน 3 เดือน และมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลได้” ในอดีต ส.ส. ฝ่ายค้านมักอภิปรายถึงบุคคลภายนอก ในกรณีที่บุคคลภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีซึ่งถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ การกล่าวถึงจึงเป็นเรื่องปกติ โดยมีกรณีที่การกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้น ถูกพูดถึงได้ และส่งผลถึงขั้นทำให้รัฐบาลต้องยุบสภา เช่น ในกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วันที่ 29 กันยายน 2539 โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ประชาธิปัตย์เป็นพรรคฝ่ายค้าน มีการอภิปรายถล่ม สุชาติ ตันเจริญ และ “กลุ่ม 16" ข้อกล่าวหาที่ถูกตั้งไว้คือ กรณีเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) โดยพูดถึงคนนอก ทั้งธนาคาร ทั้งกรรมการผู้จัดการ ส่งผลสะเทือนให้รัฐบาลพรรคชาติไทยตัดสินใจยุบสภาในเวลาต่อมา และทำให้ประชาชนไปถอนเงินจากธนาคารเพราะมีความไม่น่าเชื่อถือ การอภิปรายครั้งนั้นเป็นการพูดถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน นอกจากนี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรไทย มีการอภิปรายเรื่องสถาบันกษัตริย์กันโดยตลอด ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพิ่งมายุคนี้ที่ประท้วงกันมากจนน่าสงสัย ดูบันทึกเอกสารการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่สามารถพูดได้ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องสถาบันฯ ได้อย่างตรงไปตรงมา ได้ที่นี่ : https://drive.google.com/…/113fQufvEE6Mr876ispPVgviSiXf-Q-K… ดังนั้น การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อประโยชน์ของการรักษาผลประโยชน์ชาติ ย่อมทำได้ และยิ่งต้องทำด้วย และผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบในการอภิปรายของตนเอง" #ประชุมสภา #อภิปรายไม่ไว้วางใจ