ต่อมาเวลา 10. 45 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายถึงการแต่งตั้งตำรวจ โดยโยงไปถึงสมัยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และนายกฯ ที่เข้าไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย และช่วยเหลือพรรคพวกตัวเอง และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
ทำให้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ อาทิต น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นประท้วงเป็นระยะว่า กล่าวถึงบุคคลภายนอกเป็นจำนวนมาก และพล.อ.ประวิตร ไม่ได้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
ขณะที่ส.ส.พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นพยายามปกป้อง และจำเป็นต้องเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก เพราะมีส่วนในการเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย อาทินายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร ต่างเห็นด้วยที่จะพูดถึงบุคคลภายนอก เพราะเป็นการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะมีการประท้วง และประธานในการประชุมได้ทักท้วง แต่นายรังสิมันต์ ยังคงอภิปรายพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 จึงถูกส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงตลอดหลายรอบ และให้ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม เช่นนายกฯและพล.อ.ประวิตร ไม่รู้หรือว่ามีการแต่งตั้งโยกย้ายหรือนั่งหลับอยู่ ทำให้น.ส.ปารีณาลุกขึ้นประท้วง ให้ถอน แต่นายรังสิมันต์ก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะพูดพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 โดยเฉพาะการโอนย้ายข้าราชการตำรวจ และมีการโยกย้ายตำรวจที่ไม่เป็นธรรม
จากนั้นนายรังสิมันต์ กล่าวสรุปว่า “สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดจะแรงพอที่จะทำให้วงการตำรวจเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ผมพูดวันนี้ถือว่าเป็นอันตรายในชีวิต ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรกับตัวผมหลังจากนี้หรือไม่ แต่ผมมีความจำเป็นที่ต้องทำหน้าที่ เพราะประชาชนเลือกมาแล้ว ผมไม่รู้ว่า 3 วันข้างหน้ามีอะไรรอผมอยู่ ผมไม่รู้ว่า 3 เดือนข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมจะยังคงพูดแทนประชาชนได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็ไม่เสียใจที่ได้ทำหน้าที่”