วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ทนายคู่ใจ ได้เผยรายละเอียดทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับกรณีที่เมียหลวงบุกเอาทะเบียนสมรสไปโชว์กลางงานแต่งงานของสามีตัวเอง ซึ่งเป็นตำรวจยศ ส.ต.อ. กับหญิงคนใหม่ โดยมีการไลฟ์เหตุการณ์ให้ชมกันสด ๆ ทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างไม่สนใจ ทำพิธีต่อไปเรื่อย ๆ โดยระบุว่า #เมียหลวงบุกงานแต่ง 1. เป็นข่าวดังหน้าหนึ่งเมื่อมีสาวเจ้าหนึ่งบุกไปยังงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว โดยเอาทะเบียนสมรสไปถามหนุ่มเจ้าบ่าวว่าจัดงานแต่งงานใหม่ได้ยังไง ในเมื่อทะเบียนสมรสยังคาอยู่กับกับตนเอง มิหนำซ้ำหนุ่มเจ้าบ่าวรายนี้ยังเป็นตำรวจ 2. ซึ่งในกรณีการจัดงานแต่งงานแบบนี้ โดยทะเบียนสมรสยังคาอยู่ ไม่ได้มีการหย่าขาดจากภรรยาเก่า ในทางกฎหมายนั้นไม่สามารถจดทะเบียนสมรสใหม่ซ้ำซ้อนได้นะครับ หากจดทะเบียนสมรสใหม่ก็จะตกเป็นโมฆะ กล่าวคือ ไม่มีผลผูกพันธ์เป็นสามี-ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง 3. ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงอาจจะเลิกราต่อกัน แยกทางกันอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ในทางกฎหมายหากทะเบียนสมรสยังคากันอยู่ ก็ต้องถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ หากจะเลิกกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายกำหนดว่าให้ไปจดทะเบียนหย่า หรือฟ้องหย่าตามขั้นตอนกฎหมาย (ป.แพ่ง ม.1514) 4. เมื่อฝ่ายหนุ่มเจ้าบ่าว ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่า หรือฟ้องหย่าให้แล้วเสร็จ แต่กลับไปจัดงานแต่งงานกับเจ้าสาวใหม่นั้น ในทางกฎหมายถือว่า ซึ่งเป็นการยกย่องผู้อื่นฉันภริยา เรียกง่าย ๆ ว่า "มีชู้" ในทางกฎหมายเป็นเหตุให้เมียที่กอดทะเบียนสมรสไว้นั้น สามารถดำเนินการฟ้องหย่าหนุ่มเจ้าบ่าว และเรียกค่าทดแทนจากฝ่ายหญิงที่มาเป็นชู้ได้ หรือจะไม่ฟ้องหย่าเลย แต่จะฟ้องค่าทดแทนจากชู้อย่างเดียวก็สามารถทำได้ (ม.1516 (1) ประกอบ ม.1523 ) 5. ทางออกของหนุ่มเจ้าบ่าว หากต้องการที่จะหย่า แต่เมียไม่ยอมจับมือกันไปจดทะเบียนหย่า ก็ต้องดำเนินการใช้สิทธิทางศาลฟ้องหย่าอย่างเดียว ซึ่งในทางกฎหมายนั้น การที่จะใช้สิทธิทางศาลในการฟ้องหย่านั้นก็ต้องมีเหตุ เช่นฝ่ายหญิงมีชู้, แยกกันอยู่เกิน 3 ปี, จงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายไปเกิน 1 ปี, ประพฤติชั่วร้ายแรง, วิกลจริต, เป็นโรคร้ายแรง, ทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย, หรือไม่อาจร่วมประเวณีกันได้ฯ (ม.1516) หากไม่เข้ากรณีตามนี้ก็ไม่มีเหตุที่จะฟ้องหย่าได้ ฟ้องไปศาลก็ไม่อาจจะสั่งให้ได้ 6. การที่ภรรยาไม่ยอมจดทะเบียนหย่าให้นั้น ในความเป็นจริงแล้วก็มีเยอะนะครับ บางทีก็ต้องเข้าใจฝ่ายหญิงด้วยว่าเขามีลูกด้วยกัน บางครั้งมันก็ต้องคิดเยอะกว่าคำว่ารักหรือไม่รัก หรือบางคนก็ยอมกอดทะเบียนสมรสเอาไว้ เพื่อหวังในสินสมรสก็มีเหมือนกัน 7. แต่ทั้งนี้ฝ่ายชายเจ้าบ่าวดันเป็นตำรวจด้วยนี่สิครับ เรื่องนี้หากฝ่ายเมียหลวงจะร้องเรียนวินัยนี่ผมบอกได้เลยว่างานเข้า เพราะการที่ข้าราชการมีชู้เนี่ย ถือเป็นการประพฤติชั่ว อันเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ถึงขั้นไล่ออกจากราชการได้เลย เคยมีกรณีศึกษาที่ข้าราชการถูกออกจากราชการเพราะมีชู้มาแล้วหลายร้าย 8. แต่การที่เมียหลวงบุกไปที่งานแต่งงาน แล้วมีการไลฟ์ เรื่องนี้ถึงแม้สังคมจะเห็นใจเมียหลวงก็ตาม แต่ในทางกฎหมายก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาอยู่เหมือนกัน (ซึ่งผมก็ยังไม่ได้ฟังคลิปไลฟ์นะ) โดยหากมีคำว่า "เมียน้อย" หรือพูดพาดพิงถึงเมียน้อยแล้วเนี่ย เขาอาจจะดำเนินคดีได้เหมือนกัน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปี ปรับสูงถึง 2 แสนบาท (ป.อาญา ม.328) 9. เรื่องในครอบครัวก็ควรคุยกันให้ชัดนะครับว่าจะเอาอย่างไร จะหย่ากัน สินรสรส หนี้ร่วม ค่าเลี้ยงดูลูก เอาให้ชัดเจน หากจะเลิกกันคุยกันไม่ได้ก็ไปว่ากันในศาล ให้ศาลตัดสิน ไม่ใช่ให้มันคาราคาซังแล้วเป็นเรื่องขึ้นมาแบบนี้
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ทนายคู่ใจ