ม.ขอนแก่น เสียใจกับครอบครัว3 นักศึกษาที่เสียชีวิตจากเหตุรถยนต์พลิกคว่ำ มอบเงินช่วยเหลือรายละ 130,000 บาท พร้อมดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บตามสิทธิ์เต็มที่ ยกเป็นเคสกรณีศึกษาคุมเข้มจุดเสี่ยง–ความเร็ว และการเข้าออกภายใน มข.อย่างเข้มงวด เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 ก.พ.2564 ที่สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. นำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักศึกษาที่เสียชีวิต จากอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ซูซูกิ สวิฟ สีเงิน หมายเลขทะเบียน กย- 4074 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพลิกคว่ำชนต้นไม้ เหตุเกิดบริเวณสี่แยกหน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ตรงข้าม โรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ มข. จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย นายเกริกฤทธิ์ สุกงพงษ์พันธ์คำ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.6 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และน.ส.กรชฎา เสียงใส อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.2 ต.หนองโก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม และ น.ส.มนชนิตว์ ช่วยบุญหรือน้องน้ำมนต์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 939 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รองนางสาวไทยปี 2562 ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี สาขาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มข. โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนคือ นาย ถิรเดช กุลเขมรังษี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 303 ม.1 ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นคนขับที่ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้วและแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้มีนักศึกษาที่ถือเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญนั้นเสียชีวิต เนื่องจากนักศึกษาทุกคนนั้นอยู่ในหลักสูตรที่สำคัญคือวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี และอยูในชั้นปีสุดท้ายที่ขณะนี้อยู่ในช่วงของการสอบปลายภาค และในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ ได้อนุญาตให้เจ้าตัวนั้นกลับบ้านได้และกลับมาสู่การเรียนการสอนตามปกติ โดยในส่วนของคดีความนั้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเหตุพบว่าในที่เกิดเหตุนั้นมีผู้เสียชีวิคาที่ 2 ราย คือ นายเกริกฤทธิ์ และ น.ส.กรชฎา ขณะที่ น.ส.มนชนิตว์ หรือน้องน้ำมนต์ รองนางสาวไทย ประจำปี 2562 นั้นเสียชีวิต ที่ รพ.ศรีนครินทร์ ซึ่งจากการตรวจสอบการรักษานั้นพบว่าน้องน้ำมนต์นั้นไปถึง รพ.โดยไม่มีสัญญาณชีพ ทีมแพทย์ฉุกเฉิน จึงทำซีพีอาร์นานถึง 22 นาทีและเข้ารับการผ่าตัดรักษา โดยพบว่าปอดด้านซ้ายนั้นเสียเลือดมากและมีบาดแผลที่ศีรษะ แพทย์จึงทำการรักษาอย่างเต็มที่ท่ามกลางการส่งกำลังใจของคนไทยทั้งประเทศ แต่ในที่สุดน้องนำมนต์ก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ดังนั้นเมื่อ มข.เราสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญถึง3 คนจึงได้มอบหมายการทำงาน โดยที่ รองอธิการบดีฯ นั้นได้เข้าร่วมงานศพและงานฌาปนกิจศพ นักศึกษาทั้ง 3 คน ตามวันที่ครอบครัวกำหนด รวมทั้งการส่งมอบการช่วยเหลือจากสิทธิประกันของนักศึกษา ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งจะได้รับเงินชดเชยรายละ 130,000 บาท “ จากสถิติจะพบว่าในเขต มข.นั้นจะมีการเกิดอุบัติเหตุอยู่ที่เดือนละประมาณ 10 ราย แต่เหตุการณ์ขนาดใหญ่ที่ทำให้เกิดการสูญเสียในลักษณะเช่นนี้ไม่มีเกิดขึ้นใน มข.มานานกว่า 3 ปีแล้ว ดังนั้นมาตรการที่สำคัญคือคณะทำงานด้านอุบัติเหตุจะต้องเร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในจุดต่างๆภายใน มข. โดยเฉพาะในจุดที่เกิดเหตุนั้นจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งได้มีแนวทางที่ได้นำเสนอขึ้นมาทั้งในเรื่องของการนำขอบฟุตบาทออก หรือการสร้างวงเวียน แต่ในระยะเร่งด่วนคือการเพิ่มไฟส่องสว่างและการติดสัญญาณแจ้งเตือนเพิ่มเติมตามหลักวิศวกรแล้ว” รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวต่ออีกว่า จากนี้ไปการกำหนดมาตรการคุมเข้มการเกิดอุบัติเหตุใน มข.จึงเป็นสิ่งทีสำคัญและต้องทำทันที คือการตรวจสอบการเข้า-ออก ของผู้ที่ใช้รถใช้ถนนภายในมหาวิทยาลัย ขณะที่นักศึกษาและบุคลากรของ มข. จะต้องปฎิบัติตามระเบียบและข้อบังคับอย่างเข้มงวด มีการจำกัดความเร็วของผู้ขับขี่ทุกเส้นทางที่ต้องไม่เกิน 50 กม.ต่อชั่วโมง การใช้ความเร็วในบริเวณสี่แยกหรือจุดตัดผ่านต่างๆที่ไม่เกิน 30 กม.ต่อ ชม. การติดตั้งกล้องวงจรปิด ที่ประตูทางเข้า-ออก มหาวิทยาลัยทุกจุดรวมทั้งจุดตัดผ่านที่สำคัญ การประสานงานร่วมกันกับท้องถิ่นและตำรวจ ในการตรวจสอบร้านจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ที่จะต้องอยู่นอกเขตมหาวิทยาลัยตามระยะที่กฎหมายกำหนดและการคุมเข้มในเรื่องของการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยรอบมหาวิทยาลัยอย่างเข้มงวดด้วย