จากนั้นเวลา 19.20 น.นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หัวข้อที่จะอภิปรายคือมหากาพย์การโกงข้ามศตวรรษ(2602) ยกสัมปทานรถไฟฟ้าหลวงให้เจ้าสัว ขอกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ สมคบรู้เห็นเป็นใจต่อสัญญารถไฟฟ้าสีเขียว เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายร่วมทุน ขัดมติครม.และกระทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้คนกทม.เดือดร้อน จากค่าโดยสารแพง เอื้อประโยชน์รถไฟฟ้าสายสีเขียวให้เจ้าสัว เพราะสัญญาเส้นทางหลักที่จะหมดในปี2572 แทนที่กทม.จะเอามาดำเนินการเอง แต่กลับจ้างให้บีทีเอสวิ่งต่อถึงปี2585 ต่อมารัฐบาลมีคำสั่งมาตรา 44 ให้กทม.ไปเจรจาบีทีเอส ขยายสัมปทาน เพื่อแลกหนี้ โดยกทม.ใช้วิธีพิเศษ ให้บริษัทกรุงเทพธนาคม(เคที)จ้างบีทีเอสเดินรถ เพื่อหนีพ.ร.บ.ร่วมทุน เอื้อประโยชน์ให้บีทีเอสเพียงเจ้าเดียว รายอื่นเข้าไปไม่ได้ เป็นการหลีกเลี่ยงการประมูล ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน จ่ายค่าโดยสารแพง จับประชาชนเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ขยายสัมปทาน ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสารแพง แทนที่จะสนับสนุนให้ค่าโดยสารถูกลง รัฐบาลสนับสนุนให้เกิดกรทุจริต ผูกขาดตัดตอน หนีการแข่งขัน เอื้อประโยชน์บีทีเอส ทำให้รัฐเสียหาย ถ้ายังไม่ยกเลิก นายกฯและรมว.มหาดไทยเตรียมตัวไปศาลรัฐธรรมนูญ ผลจากการต่อสัญญารถไฟฟ้าสีเขียวเกิดความเสียหาย เพราะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเสียขุนคลัง 2คนคือ นายอุตตม สาวนายน กับนายปรีดิ ดาวฉาย ที่จะให้เซ็นการต่อสัญญารถไฟฟ้า โดยไม่ต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน แต่ทั้งสองคนไม่กล้าเซ็น สงสัยว่า เจ้าสัวบีทีเอส มีอะไรทำไมนายกฯต้องเกรงใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า สาเหตุที่ใช้ม.44 เข้ามาขยายสัมปทาน เพราะหากให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุน จะทำให้การเดินรถเกิดความไม่ต่อเนื่อง ล่าช้าออกไป การใช้มาตรา44เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการเดินรถเป็นเส้นทางเดียวกัน อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆเรื่องค่าโดยสาร สั่งให้ชะลอขึ้นค่าโดยสารไว้แล้ว การใช้มาตรา 44 ได้มีคณะกรรมการมาดู มีองค์ประกอบเดียวกับคณะกรรมการของพ.ร.บ.ร่วมทุน เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ผลประโยชน์ และค่าโดยสาร ให้มีการรวมโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว สามารถเดินรถต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน มีค่าโดยสารเป็นธรรม หากผลเจรจาเป็นที่ยุติให้ถือเป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.ร่วมทุน ในคำสั่งคสช.ไม่ได้ระบุให้ขยายสัมปทานกับเอกชนรายเดิมออกไป 40ปีตามที่กล่าวหา ส่วนการเจรจากับเอกชนรายเดิม เนื่องจากสัญญาสัมปทานเดิมตามโครงการสายหลักที่ทำไว้ปี 2535 ระบุว่า หากกทม.จะให้ขยายเส้นทางเพิ่มเติมที่อยู่ในระยเวลาของสัญญา บริษัทจะเป็นรายแรกที่ได้สิทธิเจรจากับกทม.ก่อน หากไม่เจรจากับเอกชนรายเดิม รัฐบาลอาจถูกฟ้องร้องไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา