วันที่17 ก.พ.64ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ภายหลังน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยอภิปรายเรื่องจัดซื้อเรือดำน้ำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า เรื่องเรือดำน้ำต้องแยกแยะให้ออกว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์ความมั่นคง ต้องคิดหลายมิติ คนเรามีหลายระดับด้วยกัน ระดับรายได้ แต่ทุกคนมีความเท่าเทียมกันเสมอ ในเรื่องเรือดำน้ำลองพิจารณาดูว่าการขับเคลื่อนประเทศ เราต้องมีการกำหนดทิศทางในหลายด้าน การมีเรื่องดำน้ำเป็นการสร้างความมั่นใจว่าไทยมีศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ พื้นที่ของไทยติดทะเลกว่า 3,000 กิโลเมตร ในยามปกติเรือดำน้ำมีหน้าที่ปกป้องทรัพยากรทางทะเลของไทย รวมถึงการดูแลเรื่องการประมงนอกน่านน้ำ ในน่านน้ำ ขบวนการค้ามนุษย์ในทะเล เรื่องปัญหาเส้นเขตแดน นายกฯ กล่าวว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำก็มีการทำสัญญา ทยอยจ่ายและผ่อนชำระใช้เวลาก่อสร้างเรือ 6 ปี เขาเอาชีวิตไปฝากไว้ตรงนั้น ก็เพื่อคนไทยทุกคนที่มีความสุขอยู่ในประเทศ ขอให้นึกเขาบ้าง เขาเสี่ยง เขาก็มีชีวิตมีครอบครัว คนที่ลงไปอยู่ในเรือดำน้ำเขาก็เสี่ยง แต่ก็เป็นหน้าที่และเป็นความภาคภูมิใจของเขา เราทุกคนต้องภูมิใจความเป็นชาติของเรา ความเข้มแข็งของเรา อธิปไตยของเราตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เราจะทำลายสิ่งนั้นไปทำไหมก็ขอร้องกันด้วยแล้วกัน ถ้าหากไทยไม่ซื้อลำที่ 2 และลำที่ 3 ก็ไม่ต้องจ่ายค่าปรับให้จีน แต่จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของไทย เพราะเราเจรจาด้วยวิธีจีทูจีและเป็นข้อตกลง ทั้งนี้เมื่อเทียบผลประโยชน์ทางทะเล 24 ล้านล้านบาท แต่ที่ลงทุนไปคิดเป็น 0.093 เท่านั้น ซึ่งมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสามารถตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง "หลายท่านบอกว่าจะซื้อไปทำไม อาวุธไม่ต้องมี ทหารไม่ต้องมี คิดอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้เราจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า ยามศึกเรารบ ยามสงบเราก็ต้องเตรียมพร้อม หลักการสำคัญมีแค่นี้พร้อมทั้งขวัญกำลังใจคน ถ้าเราไม่ปรับตัวเองมันอยู่ไม่ได้ ชีวิตทุกคนมีความเสี่ยงทั้งหมด แล้วท่านจะรู้สถานการณ์สู้รบจริงๆ เป็นอย่างไร เห็นใจเขาบ้างลูกหลานของท่านทั้งนั้น เขาตายไป เขาเจ็บไปจะทำอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องสูญเสียกำลังพลไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ก็ต้องแก้ไขให้ได้มากที่สุด การที่มีคนจำนวนมากก็ต้องมีคนส่วนหนึ่งที่ใช้ความรุนแรงมากเกินไป ซึ่งตนก็ห้ามทำอยู่แล้วและให้ดูแลเยียวยาผู้ปกครองไปแล้ว วันนี้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมทั้งในทหารหรือประชาชน ท่านต้องการให้เกิดอย่างนั้นหรือ ถ้าเรายุงแยงกันไปจนทุกคนชินกับความรุนแรง ชินกับการใช้กำลัง ชินกับการต่อต้านกฎหมายแล้วจะอยู่กันอย่างไร ท่านจะมีความสุขนั่งกันอยู่ในนี้ไหม "วันนี้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ มีวิธีการที่เหมาะสมในการบังคับใช้กฎหมาย ต้องเห็นเจ้าหน้าที่เขาด้วย ซึ่งรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ว่าจะต้องไปละเมิดสิทธิของคนอื่น จะชุมนุมก็ว่าไป อย่าใช้ความรุนแรง ท่านอย่าปฏิเสธผม ใครทำก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็เห็นว่าเขาเป็นไทย เขาคือเพื่อนร่วมชาติของผม แต่เขาคิดถึงผมอย่างนั้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์เจตนาดี เจตนาไม่ดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขารู้หมด ผมนับถือศาสนาพุทธ ผมก็เชื่อตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว