วันที่ 17 ก.พ.64 เมื่อเวลา 09.10 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรก ว่า คดีเหมืองทองอัครา มีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลไทยมีโอกาสแพ้คดี โดยเฉพาะการให้สิทธิสัมปทานที่ดิน กว่า 4 แสนไร่ ให้กับบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด เพื่อแลกกับการถอนฟ้อง เป็นพื้นที่รอยต่อ จ.เพชรบูรณ์, จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยกเลิกสัมปทานโดยไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายสากล และถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคิดเป็นมูลค่าเบื้องต้น 2.53 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยตัดสินว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีสิทธินำงบประมาณแผ่นดินไปชำระค่าโง่ ดังนั้นตนขอถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเดินหน้าต่อสู้คดี ดังกล่าวให้ถึงที่สุด หรือ ยอมให้ที่ดินกับบริษัทเอกชนต่างชาติเพื่อแลกกับการถอนฟ้อง
“แนวโน้มประเทศไทยมีโอกาสแพ้คดี 100% เพราะประเทศไทยต้องจ่ายค่าโง่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ทั้งรูปแบบของการแพ้คดี หรือ นำทรัพยากรประเทศไปแลก มูลค่ามหาศาล โดยแลกกับสิ่งเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถรักษาอำนาจ รักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป รวมถึงพ้นความผิด โดยเอาอนาคตของชาติเข้าแลก” น.ส.จิราพร อภิปราย
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงยืนยันว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนที่ดิน 4 แสนไร่ เพื่อให้ถอนฟ้องกับบริษัทเอกชนในคดีเหมืองทองอัครา ซึ่งการใช้มาตรา 44 เพื่อยุติการทำเหมืองเพื่อลดผลกระทบกับสุขภาพของประชาชน แต่ยังให้สิทธิเหมืองทองยื่นขออนุญาตสำรวจแร่ภายหลังได้ซึ่งบริษัทอัคราฯ ได้ยื่นขออนุญาตสำรวจแร่ในที่ดินและได้รับอนุญาตตามกรรมการที่มีหน้าที่ ดังนั้นจึงไม่ใช่การขอแลกที่ดินเพื่อถอนฟ้อง และที่บอกว่ารัฐบาลแพ้ 100% หากแพ้ บริษัทคิงส์เกตฯ คงไม่เจรจา เพราะได้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาทฟรีๆ แต่ทำไมยังให้บริษัทอัคราฯ ลงทุนในประเทศไทย ทั้งที่คิดว่ามีกำไรเพียง 5,000 ล้านบาท และต้องลงทุนถึง25 ปี ถึงจะได้เงิน 2.5หมื่นล้านบาท
“ยืนยันว่าไม่มีการแลกประโยชน์ ส่วนรูปคดีที่ต่อสู้นั้น บริษัทคิงส์เกต และกรมเหมืองแร่ ยื่นให้อนุญาโตตุลาการเลื่อนเพื่อหารือร่วมกันอีกครั้ง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายรองรับ” นายสุริยะ กล่าว