ต่อมาเวลา 20.30 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส กระทิงแดงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากหลังจากที่นายวรยุทธหนีคดีไปต่างประเทศ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองกาต่างประเทศ ประสานออกหมายแดงไปยังตำรวจสากล เป็นหมายเปิดแบบสาธารณะให้คนรับรู้ทั่วกัน เมื่อวันที่ 21ส.ค.2560 แต่ต่อมา วันที่ 30 ส.ค.2560 พล.ต.ต.อภิชาติถูกสั่งย้ายเข้ากรุเป็นผบก.ประจำภูธรภาค 3 โดยผู้ที่นั่งหัวโต๊ะสั่งย้ายคือพล.อ.ประวิตร และมีการเปลี่ยนหมายแดงสากล เป็นหมายบุคคลทั่วไปในเดือนมี.ค.61 เป็นหมายแดงปาหี่ ใส่เลขพาสปอร์ตที่ยกเลิกไปแล้ว ไม่ใส่ไฟล์ลายนิ้วมือ และใบหน้ายืนยันตัวตน นายธีรัจชัยกล่าวว่า ต่อมาเดือนต.ค.2561 พล.ต.ต.อภิชาติ ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี(กมค.) จากนั้นวันที่ 29 ส.ค.2562 พล.ต.ต.อภิชาติถูกสั่งย้ายไปอยู่ไปอยู่กองส่งกำลังบำรุง ผู้ที่ติดหัวโต๊ะสั่งย้ายคือพล.อ.ประยุทธ์ และวันที่ 7 ต.ค.2562 นายวรยุทธขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ครั้งที่ 14 และวันที่ 20 ม.ค.2563 อัยการสูงสุดจึงสั่งไม่ฟ้อง ส่งเรื่องมายังกมค. หากพล.ต.ต.อภิชาติไม่ถูกโยกย้าย นายวรยุทธจะต้องถูกสั่งฟ้อง แม้ต่อมาตำรวจจะสั่งฟ้องนายบอส แต่ยังตามตัวไม่ได้ เพราะยังคงใช้หมายปาหี่ และต่อมาสถานทูตออสเตรียแจ้งมายังสตช.ว่า นายวรยุทธขอวีซ่าเชงเกนที่เข้าออกได้ 26ประเทศในสหภาพยุโรปได้ แต่สิ่งที่ตำรวจทำคือ ส่งจดหมายไปยังกระทรวงต่างประเทศ ขอให้สถานทูตไทยในกรุงเวียน ตามสืบหาที่อยู่นายวรยุทธและแจ้งมาให้ทราบ แสดงให้เห็นว่า ตำรวจไม่กระตือรือร้นติดตามตัวนายวรยุทธกลับมาดำเนินคดี แบบนี้ผบ.ตร.ขณะนั้นต้องถูกฟ้องเอาผิด ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขณะที่นายกฯต้องตั้งกรรมการสอบวินัย ผบ.ตร.หรือไม่ แบบนี้ซูเอี๋ยกันหรือไม่ หรือเป็นเพราะอดีตผบ.ตร.คนนี้จะลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคพลังประชารัฐ และแน่จริงนายกฯกล้าเปิดรายงานฉบับเต็มหรือไม่ แต่คิดว่าไม่กล้า เพราะไม่ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน แต่กำลังขายกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้ตำรวจชั้นผู้น้อยรับโทษทางวินัย "ผมยืนยันว่าคดีนี้ ไม่ใช่เพียงคดีอาญาสะเทือนขวัญทั่วไป แต่เป็นคดีที่สั่นคลอนความเชื่อถือศรัทธาที่ประชาชนมีต่อระบบยุติธรรมไทย ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย หากพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ไม่สมคบกันใช้อำนาจในฐานะผู้บริหารประเทศ แทรกแซงกระบวนการเอาผิดนายวรยุทธตั้งแต่ต้นน้ำ นี่ไม่ใช่การกระทำของคนระดับนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี แต่เป็นพฤติกรรมมาเฟียเก็บค่าต๋งที่ใช้อำนาจบารมีปัดเป่าให้ใครที่มาสวามิภักดิ์และเสนอผลประโยชน์ให้ตนเอง นี่คือที่บอกว่า รัฐประหารมาเพื่อความสามัคคีคนในชาติ ปราบทุจริต แต่สุดท้ายเข้ามาเพื่อสร้างระบบมาเฟีย ช่วยคนมีเงิน มีอิทธิพลบนความเจ็บปวดของตำรวจชั้นผู้น้อย บดขยี้ศักดิ์ศรีกระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ ตนไม่อาจทนมีนายกฯ และรองนายกที่มีพฤติกรรมมาเฟียเช่นนี้ได้ ขอไม่ไว้วางใจทั้งสองคน