เมื่อเวลา 04.40 น. วันที่ 15 ก.พ.64 พ.ต.ท.เฉลียว โมรีย์ สว.(สอบสวน)สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์เฉี่ยวชนต้นไม้มีผู้บาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณ 4 แยก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไม่มีคู่กรณี หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ซูซูกิ สวิฟ สีเงิน หมายเลขทะเบียน กย- 4074 กรุงเทพมหานคร ลงไปอยู่ข้างทาง สภาพพังยับเยินทั้งคัน เศษซากชิ้นส่วนรถกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น มีร่องรอยยางรถยนต์ปีนฟุตบาทถไลไปชนกับต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่รถจะมาสิ้นสุดอยู่ห่างจากฟุตบาทขอบถนนประมาณ 20 เมตร ในรถพบผู้บาดเจ็บ 2 ราย ผู้เสียชีวิต 2 ราย ติดอยู่ในซากรถ โดยผู้เสียชีวิตนั่งอยู่เบาะด้านหลังรถ ทราบชื่อคือ นายเกริกฤทธิ์ สุกงพงษ์พันธ์คำ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.6 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และ น.ส.กรชฎา เสียงใส อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 ม.2 ต.หนองโก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ส่วนผู้บาดเจ็บ 2 รายคือคนขับรถยังมีสติพูดได้ดล็กน้อย ทราบชื่อคือนาย ถิรเดช กุลเขมรังษี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 303 ม.1 ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายอาการสาหัสไม่ได้สติ ทราบชื่อคือ น.ส.มนชนิตว์ ช่วยบุญ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 939 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หรือน้องน้ำมนต์ รองนางสาวไทยปี 2562 โดยเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องมือตัดถ่างงัดร่างผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ โดยคนขับยังคงพักรักษาตัวภายในห้องผู้ป่วยยังไม่สามารถให้การได้ ส่วนน้องน้ำมนต์ อาการสาหัสอยู่ในห้อง ICU ขณะที่ผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อญาติมารับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการสอบสวนใดใดเนื่องจากผู้บาดเจ็บยังไม่สามารถให้การได้
ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบเศษซากของรถเก๋งคันดังกล่าวกระจัดกระจายเกลื่อนเต็มพื้น มีร่องรอยปีนฟุตบาทและเฉี่ยวชนต้นไม้ใหญ่ และมีคราบเลือดติดอยู่ที่ต้นไม้ โดยตัวรถทางเจ้าหน้าที่ได้นำไปเก็บไว้ที่ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ในเวลาต่อมา นายสหัสวรรษ นาวงศา อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมาถึงที่เกิดเหตุหลังจากรถของน้องน้ำมนต์ประสบอุบัติเหตุขึ้น ได้พาผู้สื่อข่าวเดินดูร่องรอยที่เกิดอุบัติเหตุ พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะนั้นตนเองขับรถผ่านมาพอดี เห็นมีรถคันเกิดเหตุอยู่ริมถนน สภาพพังยับเยินจึงได้จอดรถและลงมาดู พร้อมกับถ่ายภาพและคลิปเอาไว้ โดยมี รปภ.ที่เข้าเวรอยู่ในขณะนั้น มาดูด้วย ซึ่งคนเองได้เปิดไฟฉายจากแฟรชโทรศัพท์มือถือส่องดูในรถ เพื่อตรวจสอบดูว่ามีใครยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต ก็พบว่าในรถบริเวณด้านหลังเสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่วนด้านหน้าคนขับยังพอพูดได้บ้างส่วนคนที่นั่งข้างคนขับอาการสาหัสหมดสติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล