เรื่อง : ทีมข่าวการเมือง
การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 16-19ก.พ.64 แล้วไปลงมติในวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.ได้กลายเป็น “วาระร้อน” ทางการเมือง ส่งท้ายก่อนปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญ ในวันที่ 1 มี.ค.นี้
การซักฟอกฝ่ายบริหารโดย “6พรรคฝ่ายค้าน” ครั้งนี้เป็นที่ฮือฮา ตั้งแต่การประกาศ “จัดหนัก” ตั้งแต่หัวแถว “ผู้นำรัฐบาล” อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ่วงด้วย “9 รัฐมนตรี” ถือว่าเป็นการซักฟอกรัฐมนตรีจำนวนมากที่สุด อีกทั้ง เนื้อหาใน “ญัตติ” ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังแฝงไปด้วยข้อหาสุดดุเดือด อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่โดนข้อหา “ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล”
แต่ที่หนักหนาไปมากกว่าการซักฟอกนายกฯประยุทธ์ กับอีก “9 รัฐมนตรี” รอบนี้ยังมีการเขียนญัตติที่จะทำให้เกิดการพาดพิง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยผ่านข้อหาของพล.อ.ประยุทธ์ ระบุส่วนหนึ่งว่า
“ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน”
แน่นอนว่าแม้แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะบอกว่าไม่จำเป็นต้องตั้ง “ทีมองครักษ์”ขึ้นมาเพื่อพิทักษ์ รัฐมนตรีคนไหน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีส.ส.หลายคนที่ประกาศเลยว่า ถ้าฝ่ายค้าน “แตะสถาบัน” เมื่อไหร่ รับรองได้ว่าจะเจอการประท้วงในสภาฯอย่างหนัก จนไม่สามารถอภิปรายกันต่อไปได้เลยทีเดียว
มีรายงานว่าพรรคพลังประชารัฐ ได้เตรียมส่งส.ส.ลุกขึ้นประท้วงในสภาฯ ในชื่อ “องครักษ์พิทักษ์สถาบันฯ” โดยมีทั้ง “ตัวหลัก”ที่จะบริหารจัดการโดย "วิรัช รัตนเศรษฐ" ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะ "ประธานวิปรัฐบาล" ที่คาดว่างานนี้ วิรัช ต้องเหนื่อยหนัก เนื่องจากต้องคุมเกมทั้งในพรรค ลุกขึ้นช่วยประท้วง ไปจนถึงประสานกับ "วิปฝ่ายค้าน" ไปจนถึง “ตัวรอง” ทีมเสริมทัพให้กับทีมหลัก
และมือประท้วง ตัวหลัก ก็ไม่ใช่ใครอื่น คือ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ , ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.และ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี
สำหรับไพบูลย์นั้น ถือเป็น “มือกฎหมาย” ที่เป็นอาวุธหนัก เพราะเจ้าตัวประกาศเลยว่า งานนี้จะให้ฝ่ายค้าน ระวังให้ดี เนื่องจากการอภิปรายมีสิทธิเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา112 ว่าด้วยการดูหมิ่น จาบจ้วงสถาบัน เริ่มตั้งแต่การอ่านญัตติอภิปรายฯ ของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
“การประท้วงเป็นจุดแรก แต่ถ้าท่านยังจะดำเนินการก็ถือว่าเป็นการกระทำอันต้องห้ามตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตนก็เป็นห่วง เพราะนายสมพงษ์ ก็เป็นหัวหน้าพรรค และเรื่องนี้เป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค ดังนั้นการยุบพรรคไทยรักษาชาติก็เป็นอุทาหรณ์ที่ดี”
อย่าลืมว่า ไพบูลย์ คนนี้ ก็คือคนเดียวกันกับที่ยื่นให้ยุบ “พรรคไทยรักษาชาติ” โดยไปยื่นต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักษาชาติ เสนอชื่อ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” จนทำให้พรรคไทยรักษาชาติ ถูกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรค “แพ้ฟาล์ว” ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงสนามเลือกตั้งส.ส.ในปี 2562 มาแล้ว
สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ คนดังจากย่านแจ้งวัฒนะ รายนี้ประกาศชัดถ้อยชัดคำ ว่าจะทำหน้าที่ประท้วงจนสภาฯไปต่อไม่ได้ แถมล่าสุดเจ้าตัวยังเตรียม “แหนบ” เอาไว้ “ถอนหงอก” ถ้าสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมทบทวนญัตติอภิปราย ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน
“ท่านไม่เห็นหรือไม่มีจิตสำนึกปกป้องสถาบัน ผมมีความจำเป็นต้องนำแหนบมาขออนุญาตประธานชวน มาถอนงอกผู้นำฝ่ายค้าน และหากมีการอภิปรายถึงสถาบัน ผมจะประท้วงทันที และจะประท้วงจนประชุมไม่ได้ ประชุมจะวุ่นวาย และจะทำให้ไม่มีการอภิปรายสถาบัน”
เมื่อมี สิระ ก็ต้องมี “ปารีณา ไกรคุปต์” ส.ส.ราชบุรีมาเป็น “คู่ดูโอ” มือประท้วงประจำพรรค แม้งานนี้ปารีณา เพิ่งจะถูกคณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลว่าผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีรุกที่ป่าสงวน แต่เรื่องของคดีความก็ว่ากันไปตามกระบวนการขั้นตอน ส่วนศึกในสภาฯ คือภารกิจเฉพาะหน้า ที่พลังประชารัฐ จะขาดเธอไม่ได้แน่นอน
ดังนั้นน่าจะได้เห็นบทบาทมือประท้วงของปารีณา แทคทีมกับสิระ ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของการเปิดอภิปรายฯก็ว่าได้ แต่ถ้าศาลฎีกา ประทับรับฟ้อง สำนวนที่ป.ป.ช.ส่งให้ศาลฎีกา จะส่งผลให้ปารีณา ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ทันที!
มาที่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตส.ส.สิงห์บุรี ที่เคยสังกัดมาแล้วทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทย ภายหลังเมื่อพ้นจากการถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5ปี จากกรณียุบพรรคชาติไทย ชัยวุฒิ ได้มาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ นั่งในเก้าอี้กรรมการบริหารพรรค และได้เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
ชัยวุฒิ เคยฝากผลงานการประท้วงในสภาฯมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งเรียกเสียงฮือฮา ไม่น้อย ทั้งการแฉกลางสภาฯ ว่ามีเงินทุนจากต่างชาติสนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร รวมถึงมี “นักการเมืองไทย”บางคนที่ไป “ฝังชิพ” หลอกลวงคนรุ่นใหม่ออกมาประท้วงรัฐบาล แถมยังมีเป้าหมายต้องการ “ล้มล้างสถาบัน”
ฝีไม้ ลายมือส.ส.หลายสมัย จากเมืองสิงห์คนนี้ไม่ธรรมดา เพราะในพื้นที่จ.สิงห์บุรี ชัยวุฒิเองก็เคยเป็นส.ส.หนุ่มที่ต่อสู้กับพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีพายัพ ปั้นเกตุ อดีตแกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ มาแล้ว ก่อนที่จะมาจอดป้าย สังกัดกลุ่มการเมืองในก๊วนวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล สายตรง บิ๊กป้อม
และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เริ่มนับหนึ่งวันนี้ (16ก.พ.) ต้องจับตาดูว่า ชัยวุฒิ จะสวมบทองครักษ์ ที่ต้องพิทักษ์ทั้ง “สถาบัน”และ “นายกฯลุงตู่”ไปพร้อมๆกันนั้นจะดุเดือดแค่ไหน
นอกจากนี้พลังประชารัฐ ยังเตรียม “ทีมรอง” อาทิ นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ,รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช และสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช รวมทั้งยังมีทีมสำรอง
โดยในรายของนิโรธ นั้นเคยปะทะคารมเดือดกับ “ตัวจี๊ดนครปฐม” จากพรรคก้าวไกล อย่าง “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” มาแล้ว ในการประชุมสภาฯ เมื่อเดือนก.ย.2563 เมื่ออมรัตน์ ลุกขึ้นอภิปรายใช้ถ้อยคำเสียดสีพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องข่าวลือทำรัฐประหาร แต่นิโรธ ลุกขึ้นประท้วง อมรัตน์ ว่าแต่งกายขัดกับข้อบังคับการประชุม เพราะใส่ชุดคอระบาย ไม่ใช่ชุดสากล
หรือในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เคยตอบโต้กับ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ว่าไม่มีมารยาท เพราะไม่ฟังประธานในที่ประชุม
ส่วนรงค์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ก็เคยฝากผลงานเอาไว้เมื่อครั้งที่ จี้กลางสภาฯ ให้ไอลอว์ ชี้แจงประเด็นรับเงินสนับสนุนจากต่างชาติ ในการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาวาะการแก้รัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้เมื่อคราวที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า ลงไปเยือนเมืองนคร ก็โดน “คนเสื้อเหลือง” เข้าล้อมรถยนต์ รงค์ก็ต้องออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับส.ส.เมืองนคร ของพลังประชารัฐ เชื่อว่าคนนคร มีอุดมการณ์ของตัวเอง
สายัณห์ ยุติธรรม อีกหนึ่ง ส.ส.เมืองนครฯ ที่เคยปะทะกับ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ในวาระการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ด้วยการกระแทกส.ส.ศรัณย์วุฒิ ว่า
“หน้าตาก็ไม่ดี แล้วยังพูดวกวน”
และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.พ.2563 ที่ผ่านมา สายัณห์ ก็ยังทำหน้าที่ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีขาดตกบกพร่อง หลังจากที่ประกาศตัวขอเป็น “ องครักษ์พิทักษ์ความถูกต้อง”
ในรายของสายัณห์ ต้องนับว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะตัวเขาเองประกาศตัวยืนข้างรัฐบาลนายกฯลุงตู่ แต่ลูกสาววัยรุ่น กลับเลือกอีกเส้นทางหนึ่งโดยมีแนวคิดในทิศทางเดียวกับ “ม็อบราษฎร” ที่ยืนตรงข้ามกับพล.อ.ประยุทธ์
ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะระเบิดขึ้นวันที่ 16ก.พ.นี้ มีโอกาสสูงที่จะปั่นป่วนกันตั้งแต่ชั่วโมงแรก เมื่อการประชุมเปิดฉากขึ้น
นั่นหมายความว่า “ทีมองครักษ์พิทักษ์สถาบันฯ” ที่จัดโดยพรรคพลังประชารัฐ อาจต้องการกำลังเสริม จากเพื่อนส.ส.อีกหลายๆคนในพรรค ไปจนถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” เพื่อกอดคอช่วยรับมือกับ “6พรรคฝ่ายค้าน” !!