เมื่อวันที่ 14 ก.พ. เพจเฟซบุ๊ก ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador ของ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัคราชทูตไทย โพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณีแกนนำรัฐบาล ออกมาปฎิเสธ ข่าว ที่ปรึกษาความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรสายตรงหาเลขาธิการสภาความมั่นคง เรื่องความสัมพันธ์กับไทย แสดงความเป็นห่วงเรื่องเมียนมาและสถานการณ์การจับกุมผู้ประท้วงในไทยด้วยมาตรา 112 ต่อมา แกนนำรัฐบาลออกมากล่าวเชิงปฎิเสธว่าไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว นายรัศม์ ระบุว่า... มุกตลกเอาฮา หรือจะบอกว่าอ่านภาษาอังกฤษ/ฝรั่งเศส ไม่ออกครับ? - นี่ก็อีก เห็นข่าวบุคคลระดับสูงของรัฐบาลออกมาแถลงปฏิเสธว่าในหว่างการโทรมาหารือของนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีไบเดนกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติของไทยเมื่อวันที่ 8 กพ. ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการแสดงความกังวลต่อการใช้มาตรา 112 ของไทย - ก็เลยเอาถ้อยแถลงโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯที่ได้จากเว็บไซต์ของเขามาแปะให้ดูกันนะครับ - ซึ่งในนั้นมีประโยคที่ฝ่ายสหรัฐฯเขียนว่า “...แต่ยังได้แสดงความกังวลต่อทั้งการจับกุมผู้ประท้วงและคำตัดสินหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (lese- majeste)ที่โทษรุนแรงจำนวนมาก...” - จะพูดแบบศรีธนนชัย เล่นมุกตลกเอาฮา บอกว่าที่ฝ่ายสหรัฐฯพูดไม่มีคำว่า ม.112 ก็ได้นะครับ แต่ถ้ารู้ภาษาอังกฤษ (หรือฝรั่งเศส) ก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า lese-majeste เขาหมายถึงอะไร - ซึ่งระดับนี้แล้วจะบอกว่าไม่รู้? มันจะดูเหมือนจงใจหลีกเลี่ยง ไม่บอกข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อสาธารณะชน ซึ่งตามมาตรฐานทั่วไป และทั้งในแง่ความรับผิดชอบและจริยธรรม มันถูกต้องไหมครับ? - การจงใจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อประชาชนโดยบุคคลระดับสูงของรัฐบาลในประเทศเจริญแล้วนั้น ถ้ามีจริยธรรมคือต้องลาออกนะครับ - อันที่จริงข้อมูลข้อเท็จจริงแบบนี้ใครๆ รวมทั้งคณะทูตานุทูตในไทย ก็น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยากว่าใครพูดอะไรอย่างไร ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าอับอายมาก ดังนั้นถ้าฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดเรื่องนี้ ในขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯระบุว่ามีการพูดถึง เรื่องสำคัญแบบนี้ก็ควรต้องมีการชี้แจงและประท้วงกันไปเลย - ควรจะเรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐฯมาประท้วงเลยว่าฝ่ายสหรัฐฯพูดไม่จริง ให้เห็นกันจะๆไปเลย ใครพูดจริงไม่จริงอย่างไร เพื่อความกระจ่างของทุกฝ่าย - ส่วนใครจะเล่นมุกตลกเอาฮา หรือมุกแป๊ก คนเขาจะได้รู้กันนะครับ