นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากสถิติการส่งออกของประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10.5 นั้นเป็นการขยายตัวที่เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยตลาดส่งออกที่สำคัญขยายตัวได้ในเกือบทุกตลาด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะตลาด CLMV เอเชียใต้,รัสเซีย มีการขยายตัวสูงต่อเนื่อง ในขณะที่การส่งออกไปจีนมีการส่งออกขยายตัวเกินร้อยละ 20 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ซึ่งสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปยังคงเป็นสินค้าที่ขยายตัวได้ทุกรายการ โดยเฉพาะข้าวในช่วง 7 เดือนแรกของปี สามารถส่งออกได้แล้วกว่า 6.4 ล้านตัน ซึ่งแนวโน้มการส่งออกของประเทศเชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อาจขยายตัวอยู่ในกรอบร้อยละ 5-6 หรือ ขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ 6.5 อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือ นโยบาย การค้าของสหรัฐ,นโยบายดอกเบี้ยและมาตรการ QE ของประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท แต่ยังเชื่อว่าเป็นการแข็งค่าในระยะสั้น ผู้ประกอบการส่งออกจากต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องของการประกันความเสี่ยง ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ผลกระทบต่อการประกอบกิจการอุตสาหกรรมในเดือนกรกฏาคม 2560 พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อ อัตราแลกเปลี่ยน ราคาน้ำมัน สถานการณ์การเมืองในประเทศ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก พร้อมกันนี้ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในภูมิภาค รวมถึงเสนอให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2560 และเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับประเทศอินเดียและปากีสถาน เพื่อขยายตลาดสินค้าไทยและแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน