( 9 ก.พ. 64 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมือง นายอำนวย ไทยประเสริฐ ปลัด อบต.ท่าราบ นายสุกิจ สุกุลธนาคร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 และผู้แทนนางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางนำอาหารสุนัข และอาหารแมว พร้อมเงินสดจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับบริจาคมามาส่วนหนึ่งและเงินส่วนตัวส่วนหนึ่ง มอบให้กับนางนงนุช อารีรักษ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 1 ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้เดินทางไปร้องขอความช่วยเหลือกับทางอำเภอเมือง ให้ช่วยเหลือสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้ไม่มีอาหารกิน กรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 อีกทั้งไม่มีงานทำด้วยอายุที่มาก และยังต้องเลี้ยงดูแลสัตว์เหล่านี้มานานหลายปีแล้วด้วยความรักความเมตตาเห็นคนเอามาปล่อยทิ้งก็สงสารเก็บมาเลี้ยงจนมีจำนวนมาก ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาจัดการทำหมันเพื่อลดการขยายพันธุ์ไปแล้ว นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอเมือง กล่าวว่า ป้าไปหาที่อำเภอเมือง สอบถามรายละเอียดทราบว่าป้าไม่มีอาชีพ จากเดิมที่เคยเป็นแม่บ้านอยู่ปั๊มน้ำมัน มีรายได้อยู่ช่วงนั้น 8-9 พันบาท ยังพอดูแลค่าอาหารสุนัข แมวได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำงานแล้วทำให้ความเป็นอยู่ลำบาก อีกทั้งช่วงนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด -19 คนที่เคยมีจิตศรัทธาบริจาคเงินมาก็ลดน้อยลง เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจด้วย ป้าต้องรับภาระเลี้ยงดูแลทั้งน้องหมา 80 ตัว น้องเหมียว 36 ตัว รวม 116 ตัว และได้บอกป้าไปว่า ให้ทางปศุสัตว์ และเทศบาลมาช่วยกันทำหมันให้หมด จะได้ไม่ขยายพันธุ์ต่อ ขอให้ดูแลเพียงเท่านี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดูแลฉีดยาให้อยู่เป็นระยะ วันนี้ตนเองได้มอบอาหารมาให้ส่วนหนึ่ง และเป็นเงินของผู้มีจิตศรัทธาร่วมด้วยช่วยเหลือบริจาคเงินเข้ามาทำบุญอีกส่วนหนึ่ง โดยงบประมาณของราชการไม่ได้มีในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ แต่รู้สึกเห็นใจที่ป้าเป็นผู้มีจิตเป็นกุศลดูแลสุนัข แมวจรจัด จึงฝากบอกผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมด้วยช่วยกันสามารถร่วมบริจาคได้ตามกำลังศรัทธา จากสภาพบ้านเป็นปูนชั้นเดียว มีสุนัขอาศัยอยู่จำนวนมาก แมวอีกหลายตัวถูกขังอยู่ในกรง เพราะหากเปล่าออกมาจะถูกสุนัขรุมกัด ซึ่งป้านงนุชเป็นคนใจดีคอยเลี้ยงดูให้ข้าว ให้น้ำ ตามกำลังที่จะสามารถดูแลไหว หลังมีคนแอบเอามาปล่อยทิ้งเพราะการแพร่ขยายพันธุ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องการเลี้ยงจนปล่อยทิ้งเป็นสุนัขแมวจรจัด ด้วยป้าเป็นคนที่มีจิตเมตตาจึงเก็บมาเลี้ยงทั้งที่ตนเองก็เริ่มมีอายุมากขึ้น และไม่มีรายได้เหมือนแต่ก่อน คงมีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้จากหน่วยงานภาครัฐ และลูกหลานได้ให้ไว้ใช้จ่ายเล็กน้อย แต่ก็ได้นำมาเลี้ยง จนกลายเป็นความผูกพันและเป็นภาระที่ต้องดูแลจนกว่าจะหมดกำลังไปด้วยความสงสาร