วันที่ 9 ก.พ.64 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ว่า "เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายโสมนัส หรือฐณพบ ชุติมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานบริหารสินทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรณีแอบอ้างชื่อบุคคลภายนอกว่าเป็นผู้แนะนำให้ซื้อที่ดินของธนาคารแล้วรับเงินที่ธนาคารจ่ายเป็นค่าแนะนำไปเป็นประโยชน์สำหรับตนเองโดยมิชอบ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2559 ส่วนความผิดทางวินัยนั้นคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยฯ ได้มีมติลงโทษไล่ออกไปแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย กระทงละ 8 ปี รวมสองกระทงเป็นจำคุก 16 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 8 และมาตรา 11 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ.มาตรา 91 ให้ลงโทษตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตาม ป.อ.มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 12 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 24 ปี ให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 55/2558 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนที่โจกท์ขอให้นับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 41/2562 ของศาลนี้ คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาจึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้ เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สำหรับพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัดห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท มาตรา 11 ระบุว่า ผู้ใดเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ส. ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี สำหรับนายโสมนัส หรือฐณพบ ก่อนหน้านี้เคยถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 12 ปี ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อให้เครือกฤษดามหานครโดยมิชอบด้วย นับโทษต่อทั้งสองคดี รวม 28 ปี" ขอบคุณข้อมูลสำนักข่าวอิศรา