เจ้าหน้าที่สนธิกำลังลาดตระเวนป้องกันลักลอบตัดไม้พะยูงพบชาวไทย 3 คนลักลอบตัดไม้พะยูงจับกุมตัวได้ 1 คนพร้อมของกลางและเสพยาบ้า
วานนี้( วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 64 ) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเขาศาลา นำโดย ร้อยเอกชูชีพ บานพิทักษ์ รอง.ผบ.ตชด 214ได้สนธิกำลังร่วม กับเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจ ร.22 ชุดปฎิบัติการเขาศาลาชุดเฉพาะกิจ ทหารพราน 26 พร้อมด้วยพระสงฆ์วัดเขาศาลา ออกลาดตระเวน ในการป้องกันการลักลอบตัดไม้โดยเฉพาะไม้พะยูง ภายในเขตพุทธอุทยาน และพื้นที่ป่าไม้ตามแนวป่า วัดเขาศาลา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน เดินทางมาถึง บริเวณพื้นป่าทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านชำปะโต หมู่ 3 ต.อาโพน อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่พบ ชาย 2 คน หญิง 1 คน กำลังพากันตัดไม้พะยูง และกำลังที่จะลำเลียงด้วยการแบกขึ้นบ่า เพื่อนำออกจากป่า เจ้าหน้าที่สั่งให้ ทั้ง 3 คน หยุด ให้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่ทั้ง 3 คน พากันทิ้งของกลางและพากันวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่เข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ไล่ตามจับกุม สามารถจับได้ 1 คน ทราบชื่อ นายควร บุญหงส์ อายุ 42 ปี ชาวบ้านโอทะลัน ต.จรัส อ.บัวเชด พร้อมด้วยไม้พะยูงของกลางจำนวน 5 ท่อนเหลี่ยม เลื่อยตัดจำนวน 1 ปื้น โคมไฟคาดศีรษะจำนวน 2 อัน
นายควร ให้การกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 คนเองพร้อมกับชาวบ้านอีก 2 คน มีนายนิ กับนางวัน ไม่ทราบว่าเป็นชาวบ้านอยู่หมู่บ้านไหน และไม่ทราบชื่อ จริงและนามสกุลของเขา ได้มาชักชวนกันเข้าไปในป่าทิศใต้บ้านชำปะโต.ต.อาโพน นำเลื่อยโค้ง 1 ปื้น มีด 1 เล่ม เมื่อไปถึงป่า ได้ช่วยกันตัดไม้พะยูง ซึ่งเป็นไม้ล้มเองตามธรรมชาติ ตัดทอนได้ 5 ท่อน จากนั้นได้พากันแยกย้ายกลับบ้าน และเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ได้นัดหมายกัน มาขนไม้พะยูงออกจากป่า ช่วยกันใช้เลื่อยโค้งตัดบากกระฟี้และเปลือกไม้ออกเพื่อให้สะดวกในการขนไม้ใช้เชือกผูกท่อนไม้พะยูงสะพานขึ้นหลังคนละท่อน ส่วนที่เหลืออีก 2 ท่อน จะกลับมาเอาทีหลัง ขณะที่กำลังพากันเดินออกจากป่า ตนวิ่งหนี่เจ้าหน้าที่ไปไม่ได้ จึงถูกจับกุม ส่วนอีก 2 คน นายนิ และนางวันสามารถวิ่งหนีเจ้าที่ไปได้ และยอมรับว่า ไม้พะยูงที่ลักลอบตัดจะนำไปขายให้กับนายพล ไม่ทราบชื่อจริง ชาว อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา ในการลักลอบตัดไม้พะยูง ในพื้นที่ป่าหวงห้าม ตามมาตรา 9 แห่ง พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ร่วมกับพวกที่หลบหนีทำไม้หรือกระทำการด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสังเกตเห็นอาการของนายควร คล้ายคนเสพสารเสพติด เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า และตรวจปัสสาวะ ให้ผลเป็นบวก มีสารเสพติดในร่างกาย นายควร ยอมรับว่าได้เสพยาบ้า จำนวน 1 เม็ด จึงแจ้งข้อหา ผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษประเภท1 ฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1โดยผิดกฎหมาย นำตัวผู้ต้องหานำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.บัวเชดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนไม้พะยูงของกลาง เจ้าหน้าที่ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่า สร.1ตามระเบียบ ต่อไป
นายควร ให้การกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 คนเองพร้อมกับชาวบ้านอีก 2 คน มีนายนิ กับนางวัน ไม่ทราบว่าเป็นชาวบ้านอยู่หมู่บ้านไหน และไม่ทราบชื่อ จริงและนามสกุลของเขา ได้มาชักชวนกันเข้าไปในป่าทิศใต้บ้านชำปะโต.ต.อาโพน นำเลื่อยโค้ง 1 ปื้น มีด 1 เล่ม เมื่อไปถึงป่า ได้ช่วยกันตัดไม้พะยูง ซึ่งเป็นไม้ล้มเองตามธรรมชาติ ตัดทอนได้ 5 ท่อน จากนั้นได้พากันแยกย้ายกลับบ้าน และเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ได้นัดหมายกัน มาขนไม้พะยูงออกจากป่า ช่วยกันใช้เลื่อยโค้งตัดบากกระฟี้และเปลือกไม้ออกเพื่อให้สะดวกในการขนไม้ใช้เชือกผูกท่อนไม้พะยูงสะพานขึ้นหลังคนละท่อน ส่วนที่เหลืออีก 2 ท่อน จะกลับมาเอาทีหลัง ขณะที่กำลังพากันเดินออกจากป่า ตนวิ่งหนี่เจ้าหน้าที่ไปไม่ได้ จึงถูกจับกุม ส่วนอีก 2 คน นายนิ และนางวันสามารถวิ่งหนีเจ้าที่ไปได้ และยอมรับว่า ไม้พะยูงที่ลักลอบตัดจะนำไปขายให้กับนายพล ไม่ทราบชื่อจริง ชาว อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหา ในการลักลอบตัดไม้พะยูง ในพื้นที่ป่าหวงห้าม ตามมาตรา 9 แห่ง พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ร่วมกับพวกที่หลบหนีทำไม้หรือกระทำการด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสังเกตเห็นอาการของนายควร คล้ายคนเสพสารเสพติด เมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า และตรวจปัสสาวะ ให้ผลเป็นบวก มีสารเสพติดในร่างกาย นายควร ยอมรับว่าได้เสพยาบ้า จำนวน 1 เม็ด จึงแจ้งข้อหา ผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษประเภท1 ฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1โดยผิดกฎหมาย นำตัวผู้ต้องหานำส่งร้อยเวรสอบสวน สภ.บัวเชดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนไม้พะยูงของกลาง เจ้าหน้าที่ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่า สร.1ตามระเบียบ ต่อไป