มิ.ย.แอสตราเซเนก้าเข้าอีก 26 ล.โดส และที่จองเพิ่มอีก 35 ล.โดส รวม 63 ล.โดส ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย วางแผนเป็น 2 เฟส เฟสแรก 5 กลุ่ม บุคลากรแพทย์ด่านหน้า-ป่วยโรคประจำตัว-60 อัพ-พื้นที่ระบาด ต่อด้วยเฟส 2 กระจายใน 7 กลุ่ม เมื่อวันที่ 8 ก.พ.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 2/2564 โดยกล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้หารือนโยบายให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเร็วๆ นี้ จะได้วัคซีนของบริษัทซิโนแวค 2 ล้านโดส และเดือนมิ.ย.มีวัคซีนที่สั่งซื้อจากบริษัทแอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส และที่จองเพิ่ม 35 ล้านโดส รวมเป็น 63 ล้านโดส ถือว่าครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย และได้วางแผนบริหารจัดการการให้วัคซีนมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มีคุณภาพให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาล โดยได้แต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ซึ่งมีการประชุมเตรียมการคณะทำงานทั้ง 6 คณะเป็นอย่างดี และได้เตรียมขั้นตอนให้บริการวัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ นายอนุทินกล่าวต่อว่า คณะกรรมการได้เห็นชอบแผนกลยุทธ์บริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 พ.ศ.2564 ซึ่งมี 2 ระยะ โดยระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด-19 รักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้ 5 กลุ่ม ได้แก่ บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน, ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งที่อยู่ในระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร, ประชาชนที่มีอายุ 60 ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปและแรงงานในพื้นที่ระบาดของโควิด -19 และระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉีดให้กับ 7 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชนทั่วไป, แรงงานในภาคอุตสาหกรรม, ผู้ประกอบอาชีพด้านท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์,ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ, กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในจังหวัดที่เหลือ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ๆ นอกจากนี้ ได้เห็นชอบแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 ระยะแรก เดือนก.พ.-พ.ค.64 จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ สมุทรสาคร และจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก ระยะที่ 2 เดือนมิ.ย.-ธ.ค.64 จำนวน 61 ล้านโดส โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ครบทั้ง 63 ล้านโดส ภายในปี 64