จากกรณีข้อสงสัยในการปลดล็อกส่วนของกัญชง กัญชงที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดว่า เป็นการเอื้อเฉพาะบางหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ขอชี้แจงว่า กรณีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถประกอบอาหารจากใบกัญชาได้ เพราะทั้งสองแห่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชาและได้ขอแก้ไขโครงการเพื่อนำใบกัญชาไปใช้ประโยชน์แล้ว หากผู้ได้รับอนุญาตปลูกกัญชารายอื่นต้องการนำใบหรือส่วนต่างๆ ที่ไม่เป็นยาเสพติดไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยยื่นขอแก้ไขแผนการนำไปใช้ประโยชน์ที่ อย. และขอยืนยันว่า ประชาชนทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชา กัญชงที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดได้ แต่ต้องมาจากผู้ได้รับอนุญาตปลูกที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสถาบันกัญชาทางการแพทย์ได้เปิดช่องทางจับคู่ระหว่างผู้ที่สนใจใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่เป็นยาเสพติดกับผู้ได้รับอนุญาตปลูก โดยสามารถลงทะเบียนที่ http://bit.ly/2N4NC3R ทั้งนี้ การนำใบกัญชาไปประกอบอาหารเพื่อรับประทานในครัวเรือนหรือจำหน่ายในร้านอาหารของตัวเองสามารถทำได้ แต่หากนำส่วนของกัญชา กัญชง ที่ไม่เป็นยาเสพติดไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเพื่อจำหน่าย จะต้องขออนุญาตภายใต้กฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นด้วย ขณะนี้สามารถขออนุญาตเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชงและสารสกัดของเมล็ดกัญชง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรใช้ภายนอก เช่น ยาหม่อง ยาน้ำมัน ยาครีม ที่มีส่วนประกอบของใบ ลำต้น กิ่งก้านและรากกัญชา กัญชงได้แล้ว ส่วนการขยายการใช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายให้มีผลใช้บังคับต่อไป "การนำใบกัญชาไปประกอบอาหารยังมีข้อควรระวัง เนื่องจากการใช้กัญชาในอาหารเป็นสิ่งใหม่ ผู้บริโภคบางคนอาจยังไม่คุ้นเคย ควรเริ่มต้นรับประทานแต่น้อย นอกจากนี้ ผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น เด็ก สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังในการรับประทาน โดย อย. และ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะจัดทำชุดความรู้ในการรับประทานและประกอบอาหารจากกัญชาอย่างปลอดภัยเพื่อเผยแพร่ในเร็วๆนี้" เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าว