วันที่ 5 ก.พ.64 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ระดับสูง (พตส.) จัดเสวนา หัวข้อ "การเมืองไทยปี 64 ไปต่ออย่างไร" โดยมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ร่วมเป็นวิทยากรการเสวนา นายองอาจ กล่าวว่า ตนมองปัจจัยทางการเมืองที่มีผลกับอายุรัฐบาลในปีนี้นั้น ตนเชื่อรัฐบาลยังเดินต่อไปได้ แม้ว่าจะมีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลจากการที่พรรคแกนนำรัฐบาลจะมีการแย่งชิงพื้นที่ อย่างเช่น การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แต่ก็ยังเชื่อว่าการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานั่งในตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะสามารถควบคุมพรรคพลังประชารัฐ หรือข่าวกับพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องการเลือกตั้งซ่อม จ.นครศรีธรรมราช ก็เชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยที่มี ส.ส.มากเป็นอันดับสอง แม้จะมีข่าวขบเกลียวกันจากปัญหารถไฟฟ้าก็ตาม ตนเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาที่จะทำให้เดินต่อไปไม่ได้ ประกอบกับกองทัพเองก็เดินร่วมกับรัฐบาลโดยไม่มีความแตกแยก ในขณะที่ปัจจัยภายนอกคือพรรคฝ่ายค้านก็มีปัญหาขบเกลียวกันเองภายในทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลควรมีเอกภาพ แม้มีข้อมูลที่สามารถเปิดข้อบกพร่องของรัฐบาลใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การบริหารบกพร่อง การทุจริต และการทำผิดกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนการเมืองไม่สามารถเดินต่อไปได้ หรือจนกระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการชุมนุม ซึ่งก็คงต้องติดตาม "แต่ในเรื่องการทำรัฐประหารอย่างเช่นประเทศเพื่อนบ้านนั้นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าการเมืองจะเดินต่อไปได้ ประกอบกับยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล หลายสิ่งที่ดูเหมือนขัดแย้งเป็นแค่การแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.นครศรีธรรมราช แม้ถูกมองเป็นจุดขบเกลียวกัน แต่ก็ไม่น่าทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ นอกจากนี้ คิดว่าปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 หลายประเทศต่างได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน และเกิดการประท้วง แต่เชื่อว่าในส่วนของไทยไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเรายังเป็นสังคมเครือญาติ คนรู้จักกัน โดยใครที่ยังไม่เดือดร้อนจะอุปถัมภ์ จุนเจือพึ่งพาอาศัยกัน"