นาย แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่าเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา ประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโดทาง GDP อาลีบาบาจึงมีผลประกอบการที่ดีเนื่องมาจากการฟื้นตัวที่รวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ขณะเดียวกันก็เป็นอีกหนึ่งปีที่มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ประสบความสำเร็จ ด้วยมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และการสนับสนุนให้ร้านค้าสามารถฟื้นตัวได้จากภาวะระบาดของโควิด-19
“ธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้งก็เริ่มได้ส่วนแบ่งทางการตลาด และมีแนวโน้มการเติบโตที่สดใส สะท้อนให้เห็นศักยภาพของธุรกิจคลาวด์ในจีนที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานและการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เราทุ่มเทมาหลายปีไม่ศูนย์เปล่า เรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา และบริหารธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคม”
นายแม็กกี้ วู ประธานกรรมการฝ่ายการเงิน อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นอีกไตรมาสที่ธุรกิจของอาลีบาบาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITDA) เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีกระแสเงินสดมากพอให้บริษัทสามารถลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์
“เราพึงพอใจที่ธุรกิจอาลีบาบาคลาวด์มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เป็นบวกในไตรมาสนี้และไช่เหนียวเน็ตเวิร์กมีกระแสเงินสดเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ตอกย้ำว่ากลยุทธ์ระยะยาวของอาลีบาบาทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดกำไร”
ทั้งนี้เบ็ดเสร็จเมื่อจบไตรมาส 4 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563 อาลีบาบามีรายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 221,084 ล้านหยวน หรือ 33,883 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,027,080 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 779 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22 ล้านคน จากไตรมาส 3 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563)
โดยจำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 902 ล้านคน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 21 ล้านคน จากเดือนกันยายน 2563 ทั้งหมดนี้ทำให้อาลีบาบามีกำไรจากการดำเนินงาน (Income from operations) อยู่ที่ 49,002 ล้านหยวน หรือ 7,510 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 227,730 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า กำไรต่อหุ้น 28.85 หยวน หรือ 4.42 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 134 บาท) เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า
“เราพึงพอใจที่ธุรกิจอาลีบาบาคลาวด์มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EBITA) เป็นบวกในไตรมาสนี้และไช่เหนียวเน็ตเวิร์กมีกระแสเงินสดเป็นบวกเช่นกัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ตอกย้ำว่ากลยุทธ์ระยะยาวของอาลีบาบาทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดกำไร”
ทั้งนี้เบ็ดเสร็จเมื่อจบไตรมาส 4 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2563 อาลีบาบามีรายได้รวม (Revenue) อยู่ที่ 221,084 ล้านหยวน หรือ 33,883 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,027,080 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้บริโภคประจำต่อปี (Annual active consumers) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 779 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22 ล้านคน จากไตรมาส 3 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563)
โดยจำนวนผู้ใช้ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile MAUs) บนตลาดค้าปลีกของจีนสูงถึง 902 ล้านคน เมื่อเดือนธันวาคม 2563 เพิ่มขึ้น 21 ล้านคน จากเดือนกันยายน 2563 ทั้งหมดนี้ทำให้อาลีบาบามีกำไรจากการดำเนินงาน (Income from operations) อยู่ที่ 49,002 ล้านหยวน หรือ 7,510 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 227,730 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า กำไรต่อหุ้น 28.85 หยวน หรือ 4.42 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 134 บาท) เพิ่มขึ้น 21 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า