“ศบค.”พบผู้ป่วยโควิด-19ติดเชื้อเพิ่ม 795 ราย แย้มเล็งปรับมาตรการคุมพื้นที่จ.ตาก เข้มข้นขึ้น หวังผ่อนคลายมาตรการ ตัวเลขผู้ป่วยโควิดลดลง “หมอทวีศิลป์”วอนปชช.ทั้ง 77 การ์ดอย่าตก รับไม่อยากใช้กฎหมายจัดการ
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.64นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)หรือศบค.แถลงว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 795 ราย โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อภาย ในประเทศ 783 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 24 ราย จากการค้นหาเชิงรุก ในชุมชน 759 ราย โดยพบมากที่สุดในจ.สมุทรสาครและผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 12 ราย ยอด รวมผู้ป่วยสะสม 21,249 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 18,757 ราย ติดเชื้อค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 11,547 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,492 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 1,890 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 784 ราย รวม 14,001 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 7,169 ราย โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 79 ราย
สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63-3 ก.พ.64 อยู่ที่ 17,012 รายโดยติดเชื้อภายในประเทศ 4,747 รายค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 11,547 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 718 ราย ผู้ป่วยรักษาหาย 784 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 19 ราย ส่วนการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จ.ตาก เป็นการเชื่อมโยง จากการเดินทางข้ามประเทศผ่านชายแดน มีการคุยกันว่า จะมีการขอให้คุมพื้นที่เฉพาะเจาะจง โดยอาจจะมีการใช้มาตรการที่เข้มขึ้น ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ที่มีเลขาธิการ สมช. เป็นประธาน ก็จะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาปรับโซนการดูแล จ.ตากที่เข้มข้นขึ้น และในเดือนก.พ.นี้ เราจะดูว่า จากการผ่อนปรน ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้ว ตัวเลขควรที่จะต้องลดลง ซึ่งคาดหวังว่า จังหวัดอื่นที่นอกเหนือจากกรุงเทพฯ และสมุทรสาคร ตัวเลขจะต้องลดลง สรุปแล้วคนทั้ง 77 จังหวัดยังการ์ดตกไม่ได้ ต้องระวัง ถ้าทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ทุกคนอยู่กฎเกณฑ์เดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อทำให้ทุกคนปลอดภัย ความจริงอยากขอความร่วมมือกันมากกว่าการใช้กฎหมายดำเนินการ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลมาเลเซีย ประกาศขยายระยะเวลาการบังคับใช้มาตรการปิดพื้นที่ หรือล็อกดาวน์ ซึ่งจากเดิมจะครบกำหนดในวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.พ.นี้ ขยายออกไปเป็นวันพฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. หรืออีกระยะเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังคงลุกลามอย่างหนักในมาเลเซีย
โดยนายอิสมาอิล ซาบรี ยาค็อป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย เปิดเผยว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่ขยายเวลาเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการยืนยันถึงจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดฯ รายใหม่แต่ละวันเพิ่มมากขึ้นในทุกรัฐ และมีการแพร่ระบาดแบบกระจายในพื้นที่ชุมชน ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ดังกล่าว ประกาศบังคับใช้เกือบทั้งประเทศ ยกเว้นเพียงรัฐซาราวัก เท่านั้น
สำหรับ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดฯ ในมาเลเซีย มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 222,628 ราย มากเป็นอันดับที่ 51 ของโลก ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวน 791 ราย
ทางด้าน จีนแผ่นดินใหญ่ โดยบริษัท เซินเจิ้น คังไถ่ ไบโอโลจิคอล โปรดักส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติการเพื่อการผลิตวัคซีนขนาน “เอแซดดี1222” ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่วิจัยพัฒนาร่วมมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ พร้อมกับตั้งเป้าว่า จะผลิตวัคซีนให้ได้ปีละ 400 ล้านโดส ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า
โดยบริษัท เซินเจิ้น คังไถ่ ไบโอโลจิคอล โปรดักส์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครเซินเจิ้น ประเทศจีน เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังเร่งผลักดันกระบวนการทดลองทางคลินิก และการอนุมัติใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาในจีน ซึ่งเบื้องต้นได้เริ่มทดลองไปแล้ว และยังสร้างโรงงาน เพื่อเพิ่มกำลังประสิทธิภาพการผลิตวัคซีนของแอสตราเซเนกาในจีน โดยตั้งเป้าว่า จะผลิตเพิ่มขึ้นจาก 200 ล้านโดส ในสิ้นปีนี้ เป็นปีละ 400 ล้านโดส
รายงานข่าวแจ้งว่า วัคซีนขนาน “เอแซดดี1222” ของแอสตราเซเนกา คาดว่าจะได้รับการอนุมัติให้ฉีดแก่ประชาชนชาวจีนในกลางปีนี้
ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ 219 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 104,393,853 ราย ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตได้เพิ่มจำนวนเป็น 2,262,795 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 76,268,459 ราย
โดยสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีจำนวนสะสมของผู้ป่วยติดเชื้อมากที่สุดในโลก 27,027,347 ราย ส่วนผู้ป่วยเสียชีวิตมีจำนวนมากที่สุดในโลกเช่นกันที่ 457,856 ราย และผู้ป่วยที่รักษาหายมีจำนวนสะสม 16,750,422 ราย