สำหรับ กองทัพเมียนมา ภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศไปเมื่อเช้าวันที่ 1 ก.พ.2564 โดยมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้ง พล.อ.มินต์ ส่วย ซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีสมัยรัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของนางออง ซาน ซูจี ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง “รักษาการประธานาธิบดี” ของเมียนมาด้วย โดยมี พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผบ.สส. เป็นผู้นำสูงสุดในการบริหารประเทศ เป็นเวลา 1 ปี อีกด้วย จึงทำให้เวลานี้ สปอร์ตไลท์ต่างส่องไปยัง พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของกองทัพเมียนมา ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งตามประวัติ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่ปี 2554 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เกิดที่ทวายในครอบครัวชนชั้นกลาง บิดาเป็นข้าราชการฝ่ายวิศวกรรมโยธา เคยเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ก่อนเปลี่ยนมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ได้เป็นทหารและไต่ระดับขึ้นสู่ตำแหน่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว ผ่านการเป็นผู้บัญชาการรัฐมอญ เคยดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการกรมทหารภาคสามเหลี่ยมในรัฐฉาน เป็นผู้บัญชาการกองยุทธการพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการทหารภาครัฐฉาน และรัฐกะเหรี่ยง และเสนาธิการร่วมกองทัพพม่า เป็นต้น โดย พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย เป็นหนึ่งในผู้นำทหาร ที่ถูกสหรัฐอเมริกา ขึ้นแบล็คลิสต์ ห้ามเข้าประเทศ ในฐานะผู้มีบทบาทในการกวดล้าง วิสามัญฆาตกรรมชาวมุสลิมโรฮีนจาในประเทศเมียนมา เมื่อปี 2562 และคนไทยรู้จักดี ในฐานะเป็นบุตรบุญธรรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษผู้ล่วงลับ วันที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อมาลงนามแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ พล.อ.เปรม ที่ทำเนียบองคมนตรี ได้เผยความรู้สึกตอนหนึ่งว่า เหมือนสูญเสียบิดา ว่า “อายุของพล.อ.เปรมห่างจากพ่อของผมเพียง 1 ปี และพ่อของผมได้เสียชีวิตเมื่อปี 2545 และหลังจากนั้น 10 ปี ผมก็ได้พบกับ พล.อ.เปรม” “เมื่อได้เป็นผบ.ทสส. แล้วจึงได้เข้าพบพล.อ.เปรม และได้นั่งเคียงข้างกัน ได้จับมือกัน ถ้ามีเรื่องอะไรที่สำคัญก็จะจับมือคุยกันเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน ผมจึงเปรียบพล.อ.เปรมเหมือนบิดา คำสั่งสอนต่างๆของพล.อ.เปรมก็มีมากมาย ประกอบด้วย 2 ประเด็น คือ 1.ทางด้านการเมือง ก็จะพูดถึงประชาธิปไตย ก็จะต้องเป็นประชาธิปไตยของประเทศของตนเอง หรือประเทศใครประเทศคนนั้น ให้เหมาะสมกับประเทศตนเอง และประเด็นที่ 2 ที่พล.อ.เปรมพูดอยู่เสมอว่า เราเกิดในแผ่นดินนี้ เราต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถ้าใครไม่ตอบแทนคุณแผ่นดิน คนนั้นถือว่า เป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ”