เมื่อวันที่ 1 ก.พ.นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ FacebookChao Meekhuad เรื่อง จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ มีเนื้อหาระบุว่า เป็นอีกครั้งที่ต้องออกมาโพสต์เกี่ยวกับการตัดสินใจทางการเมืองด้วยความยากลำบาก หลังจากเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาครั้งหนึ่งในการคัดเลือกตัวผู้สมัครสส.เขต 5 ดินแดง-ห้วยขวางเมื่อการเลือกตั้งใหญ่ต้นปี 62 ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณพี่ประโชติ ศิริวัฒน์ อดีตประธานสาขาและอดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ที่จุดประเด็นเรื่อง ถึงเวลาหยุดความถดถอยของประชาธิปัตย์นครศรีธรรมราช ผ่านทางเฟสบุ๊คโชติ ศิริวัฒน์ พร้อมกับได้เสนอชื่อผมให้พรรคพิจารณาส่งรับสมัครเลือกตั้งแทนนายเทพไท เสนพงษ์ สส. นครศรีธรรมราช ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง ตนได้ทอดเวลามาระยะหนึ่งเพื่อฟังความเห็นจากสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนในการที่จะฟื้นพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมตามพี่ประโชติได้นำเสนอ ซึ่งตนเห็นด้วยในหลายเรื่อง แต่ไม่ขอลงในรายละเอียด ยี่สิบกว่าปีที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2543 ไม่นับรวมก่อนหน้านั้นแม้ไม่ได้เป็นสมาชิกแต่ก็ได้ช่วยพรรคทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2538 สมัยหัวหน้าอภิสิทธิ์มาลงรับสมัครสส.ที่เขตห้วยขวาง หลังจากนั้นปี 2549 ถึงปี 2557 ก็ได้ทำหน้าที่ประธานสาขาเขตห้วยขวาง ทำงานอยู่เบื้องหลังให้พรรคได้ผู้แทนมาแล้วหลายคน
นายเชาว์ ระบุว่า หลังจากคสช. ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 พร้อมกับคำประกาศสวยหรูว่าจะปฏิรูปการเมือง ได้ตัดสินใจทำกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่เขตห้วยขวางอย่างจริงจังและเข้มข้นมาตั้งแต่บัดนั้น ด้วยหวังอยากเป็นผู้แทนน้ำดีเข้าไปเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ที่บอบช้ำไปกับนักการเมืองทุจริตคดโกง จนถึงวันนี้ครบ 7 ปีเต็ม 7 ปีที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ก็สามารถทำพื้นที่ได้อย่างเข้มข้น ด้วยความทุมเททุกสรรพกำลัง ทุกกิจกรรมทุกโครงการจึงเต็มไปด้วยสีสัน จับต้องสัมผัสได้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ ดังที่ปรากฏผ่านเฟสบุ๊ค Chao Meekhuad และเพจ ทนายเชาว์ มีขวด ยังไม่รวมการแสดงจุดยืนและความเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อปกป้องส่วนได้ส่วนเสียของสังคมอยู่บ่อยครั้ง
ควบคู่กับการทำกิจกรรมทางด้านการเมืองที่ห้วยขวาง ขณะเดียวกันก็ไม่เคยละเลยที่จะดูแล พี่น้องที่นครศรีธรรมราชบ้านเกิดคู่ขนานกันไปด้วย จึงเดินทางขึ้นลงกรุงเทพ-นครศรีธรรมราชเป็นว่าเล่นอาทิตย์ละสองถึงสามครั้งมาเป็นเวลานับสิบปี จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าจะลงการเมืองที่นครศรีธรรมราชหรือที่ห้วยขวางกันแน่
อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระยุด้วยว่า วันนี้เป็นวันที่ผมต้องลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง ผมจึงขอขอบคุณพี่ประโชติและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รวมทั้งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่เห็นว่าผมเป็นผู้ที่เหมาะสมเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 (อำเภอพระพรหมเฉลิมพระเกียรติ ชะอวดและจุฬาภรณ์) ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่ในละแวกอำเภอร่อนพิบูลย์บ้านเกิด บทความของพี่ประโชติเต็มไปด้วยสาระที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องรับฟังและนำไปพิจารณา เพราะความถดถอยของพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดนครศรีธรรมราชตรงกับข้อเขียนของพี่ประโชติอยู่หลายประการ ดังจะเห็นได้จากเสียงสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนที่สะท้อนความเห็นผ่านเฟสบุ๊ค ทุกความเห็นล้วนแต่ไม่อยากเห็นการสืบทอดทายาททางการเมืองซึ่งไม่มีวันจบสิ้น อันเป็นการปิดกั้นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมเสนอตัวเข้ามาเป็นทางเลือก แต่ไม่มีโอกาส แต่อย่างไรก็ตามด้วยจังหวะเวลาที่จำกัดจำเขี่ย ประกอบกับตามระเบียบของกฎหมายพรรคพรรคการเมืองจะต้องมีการทำไพมารี่โหวตจากสมาชิกพรรคก่อนนำรายชื่อเข้าสู่กรรมการบริหารพรรคพิจารณา จึงทำให้การเข้าสู่เส้นทางยากขึ้น อีกทั้งไม่ต้องการให้เกิดภาพมีความขัดแย้งภายใน เพื่อไม่ให้กลายเป็นการซ้ำเติมความบอบช้ำของพรรค ที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ จากการไม่ลงตัวเกี่ยวกับผู้สมัคร กรณีนี้ถือว่าพื้นที่ว่างเป็นพื้นที่เดิมของนายเทพไท ต้องให้เกียรติเจ้าของพื้นที่มีส่วนพิจารณาคนที่เหมาะสม แม้จะไม่สบายใจที่ยังเกิดภาพ ทายาทวงศ์ตระกูลทางการเมืองก็ตาม ซึ่งอยากให้พรรคทบทวนอย่างจริงจัง ให้สนามเลือกตั้งเป็นโอกาสของคนที่มีความพร้อม ไม่ใช่เป็นโอกาสของคนที่ใกล้ชิดอำนาจ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ตนจึงตัดสินใจไม่เสนอตัวให้พรรคพิจารณาลงรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งมิใช่การยอมแพ้แต่เป็นการถอยอย่างมีจังหวะเพื่อที่จะก้าวยาวๆไปข้างหน้าสืบทอดความปรารถนาดีของพี่ประโชติและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รวมทั้งพี่น้องชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชที่เห็นว่าผมเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
“สำหรับเส้นทางของผมยังมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำกิจกรรมคู่ขนานกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช นครศรีธรรมราชคือบ้านเกิดและห้วยขวางคือถิ่นอยู่อาศัยมากว่า 30 ปี รักและผูกพันทั้งสองที่ไม่ต่างกัน จะดูแลรับใช้อย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดไป เพราะสิ่งที่ทำคือความดีไม่จำเป็นต้องเลือกที่หรือหวังประโยชน์” นาบเชาว์ระบุทิ้งท้าย