เมื่อวานนี้ (29 ม.ค.64) ที่ผ่านมา นายสัตวแพทย์ ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมนายสุรชัย สีน้ำคำ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ นายสถาพร จุลสัตย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองยโสธร และนายวิฑูรย์ ละคร ปศุสัตว์อำเภอไทยเจริญ ลงพื้นที่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาพทุ่งแต้ บ้านทุ่งแต้ ตำบลทุ่งแต้ อำเภอเมืองยโสธร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนหรรษา(หนองพานโลน) บ้านหนองพานโลน และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกหญ้าเลี้ยงโค กระบือ บ้านโชคชัยพร ตำบลน้ำคำ อำเภอไทยเจริญ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคขุนให้เกษตร
นายสัตวแพทย์ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธรกล่าวว่า เนื่องจากเนื้อโคขุนเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูงทั้งการบริโภคภายในประเทศและส่งออก ซึ่งจะสนับสนุนเเหล่งเงินทุนตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่องภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.01 (กู้ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยบาท) แก่กลุ่มเกษตรกร ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม จะได้รับสินเชื่อจาก ธกส.กลุ่มละประมาณ 2 ล้านบาท ในการจัดหาโคลูกผสมสายพันธุ์ชาร์โรเลส์และพันธ์ุบราห์มัน น้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัมต่อตัว ในราคา 105 บาทต่อกิโลกรัม มาเลี้ยงขุนระยะเวลา 120-130 วัน จนได้น้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม เพื่อส่งขายให้แก่ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในราคา 105 บาทต่อกิโลกรัม โดยชั่งน้ำหนักโคที่หน้าฟาร์ม เกษตรกรจะมีกำไรจากการขายโคไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อตัว และขายมูลโคได้อีกจำนวนหนึ่ง สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกร สู้ภัยโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
นายสัตวแพทย์ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธรกล่าวว่า เนื่องจากเนื้อโคขุนเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูงทั้งการบริโภคภายในประเทศและส่งออก ซึ่งจะสนับสนุนเเหล่งเงินทุนตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่องภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.01 (กู้ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยบาท) แก่กลุ่มเกษตรกร ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม จะได้รับสินเชื่อจาก ธกส.กลุ่มละประมาณ 2 ล้านบาท ในการจัดหาโคลูกผสมสายพันธุ์ชาร์โรเลส์และพันธ์ุบราห์มัน น้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัมต่อตัว ในราคา 105 บาทต่อกิโลกรัม มาเลี้ยงขุนระยะเวลา 120-130 วัน จนได้น้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม เพื่อส่งขายให้แก่ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในราคา 105 บาทต่อกิโลกรัม โดยชั่งน้ำหนักโคที่หน้าฟาร์ม เกษตรกรจะมีกำไรจากการขายโคไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อตัว และขายมูลโคได้อีกจำนวนหนึ่ง สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มเกษตรกร สู้ภัยโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี