“อบูฮุร็อยเราะฮ์” แหล่งอารยธรรมโบราณในซีเรีย ที่นักโบราณคดีเจอเศษแก้วหลอมที่ประกอบด้วยธาตุที่ยากจะหาได้ในโลกฝังในซากสิ่งก่อสร้าง ข้าวของเครื่องใช้ กระดูกสัตว์ ทั้งเชื่อว่ายุคน้ำแข็ง 4 ทวีปใหญ่เจออุกกาบาตถล่มหลายรอบ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุ “พบหลักฐานสำคัญ #มนุษย์ยุคหินเคยเผชิญหน้ากับดาวตกที่ระเบิดบนท้องฟ้า โดยนักโบราณคดีเผยหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับดาวตกที่เคยระเบิดในชั้นบรรยากาศโลกเมื่อ 12,800 ปีก่อน ความรุนแรงของมันสามารถทำลายหมู่บ้านของมนุษย์ยุคหินได้ทั้งหมู่บ้าน งานวิจัยด้านธรณีวิทยาครั้งนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ เป็นเรื่องราวที่ค้นพบในแหล่งอารยธรรมโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในประเทศซีเรีย ชื่อ “อบูฮุร็อยเราะฮ์” (Abu Hureyra) เชื่อกันว่าการตั้งถิ่นฐานและอารยธรรมแรกของโลกเกิดขึ้นที่นี้ หลักฐานชิ้นสำคัญที่พบคือ เศษแก้วหลอมขนาดเล็กฝังอยู่ในซากสิ่งก่อสร้าง ข้าวของเครื่องใช้ และกระดูกสัตว์ เป็นเศษแก้วที่พบยากมากในธรรมชาติและเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์ยุคหิน สมมติฐานเบื้องต้นกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดจากการระเบิดของดาวตกบนท้องฟ้า” เจมส์ เคนเน็ท ศาสตราจารย์จาก University of California Santa Barbara สหรัฐอเมริกา ได้วิเคราะห์หลักฐานจากแหล่งอารยธรรมนี้ พบว่าเศษแก้วหลอมที่พบในอบูฮุร็อยเราะฮ์ (ภายหลังเรียกเศษแก้วหลอมเหล่านี้ว่า AH glass) เกิดขึ้นภายใต้อุณหภูมิสูงถึง 2,200 องศาเซลเซียส ประกอบด้วยธาตุหายาก ทั้งโครเมียม เหล็ก นิเกิล ซัลไฟด์ โดยเฉพาะไทเทเนียม ทองคำขาว และอิริเดียม ธาตุเหล่านี้จะพบได้ในอุกกาบาต และพบได้ยากมากบนผิวโลกที่อุณหภูมิปกติ แม้จะมีแร่หลายชนิดที่ก่อตัวได้เมื่อมีอุณหภมูิสูง เช่น Corundum มีจุดหลอมเหลวที่ 2,044 °C Mullite มีจุดหลอมเหลวที่ 1,840 °C Suessite มีจุดหลอมเหลวที่ 2,300 °C แต่ชุมชนโบราณที่อบูฮุร็อยเราะฮ์ตั้งขึ้นในยุคที่มนุษย์เพิ่งออกจากถ้ำมาตั้งถิ่นฐาน ทำการเกษตร การสังเคราะห์แร่เหล่านี้จึงเป็นไปไม่ได้ นอกจากพบธาตุที่มาจากดาวหางแล้ว ในแหล่งโบราณคดีนี้ยังพบเศษวัสดุอื่นๆ เช่น เศษดิน ตะกอน และสารอินทรีย์ ซึ่งเกิดจากการหลอมเหลวและเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วที่ต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูง ยกตัวอย่างการสังเคราะห์วัสดุเหล่านี้ในยุคปัจจุบัน เช่น การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้เกิดวัตถุแบบนี้มีเพียงการเกิดฟ้าผ่าและภูเขาไฟระเบิด แต่ทีมนักวิจัยให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานที่ว่าเศษแก้ว AH glass เกิดจากการพุ่งชนของวัตถุนอกโลก เพราะตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติบนโลกนั้นมีคุณสมบัติหลายอย่างต่างจาก AH glass แต่คุณสมบัติเหล่านี้กลับมีความใกล้เคียงกับตัวอย่างเศษแก้วที่เกิดขึ้นในบริเวณที่ถูกอุกกาบาตพุ่งชน ซึ่งนำมาจากสถานที่ต่าง ๆ ทั้งออสเตรเลียและอียิปต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอย่างที่ได้จากชั้นดินที่เรียกว่า Younger Dryas Boundary layer: YBD เป็นชั้นดินพิเศษที่มีแร่ธาตุจากอุกกาบาตกับเศษแก้วหลอมปะปนอยู่ สันนิษฐานว่าชั้นดินนี้เกิดจากเศษดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 4 กิโลเมตร ที่ระเบิดเหนือท้องฟ้าทวีปอเมริกาเหนือในช่วง 12,800 ปีก่อน เศษของดาวหางอาจกระจายไปในรัศมี 14,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์เคนเน็ทได้ให้ความเห็นว่าเศษแก้วที่พบในอบูฮุร็อยเราะฮ์ไม่น่าจะมาจากการระเบิดครั้งเดียวกับที่ทำให้เกิด YBD แต่น่าจะเกิดจากการระเบิดในระยะที่ใกล้กว่า อบูฮุร็อยเราะฮ์ เป็นเพียงหนึ่งในแหล่งโบราณสถานยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ค้นพบชิ้นส่วนของวัตถุนอกโลก จากการศึกษานับทศวรรษศาสตราจารย์เคนเน็ท เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ว่าในยุคไพลสโตซีน (ยุคน้ำแข็ง อยู่ในช่วง 1.8 ล้านปี-1 หมื่นปี) มีการระเบิดของอุกกาบาตหลายครั้งใน 4 ทวีปใหญ่ การเชื่อมโยงเหตุการณ์แต่ละครั้งอาจทำให้เราเห็นภาพรวมของยุคสมัยซึ่งชุมชนมนุษย์เริ่มการทำเกษตรกรรมแทนการล่าสัตว์ และโลกอาจยังโคจรอยู่ในกระแสธารของเศษชิ้นส่วนที่ดาวหางคาบสั้นทิ้งไว้ การระเบิดของดาวหางในชั้นบรรยากาศโลกยังเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ดังนั้นหลักฐานที่ค้นพบ AH glass จึงสนับสนุนทฤษฏีที่กล่าวว่าการระเบิดของดาวหางเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักให้มนุษย์เข้าสู่ยุคของการเพาะปลูกและเกษตรกรรม ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ ปัจจุบัน อบูฮุร็อยเราะฮ์ ได้กลายเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำของเขื่อนฏับเกาะฮ์ Taqba (เขื่อนยูเฟรตีส:Euphrates Dam) ตัวอย่างทั้งหมดในการศึกษาได้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 ช่วงที่เริ่มสร้างเขื่อน นักโบราณคดีจึงมีช่วงเวลาสั้น ๆ ในการเก็บตัวอย่าง ก่อนที่จะมีการปล่อยน้ำเข้ามาและฝังแหล่งร่องรอยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ไว้ในทะเลสาปอะซัด (Lake Assad) เรียบเรียง - สิทธิพร เดือนตะคุ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สดร. ที่มา https://www.nature.com/articles/s41598-020-60867-w https://www.sciencealert.com/cosmic-impact-in-syria... https://www.livescience.com/fireball-destroyed-ancient... http://astrobiology.com/.../pleistocene-comet-impact-and"