“ก้าวไกล” ยก “3 ปม”ยันญัตติซักฟอกรบ.โยงสถาบัน ไม่ขัดต่อข้อบังคับสภาฯ ยันทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลั่นไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวคณะก้าวหน้า ด้าน “สิระ” จวกมีเจตนาแอบแฝง ลั่นพร้อมโหวตสวนซักฟอกไม่เว้นรมต. พลังประชารัฐ หากมีหลักฐานทุจริตชัด ขณะที่ “ศาลรธน.” เชือด “เทพไท” พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. คาด 7 มี.ค.เลือกตั้งซ่อม ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 27 ม.ค.64 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) แถลงว่า ไม่สบายใจต่อญัตติในเรื่องการใช้ถ้อยคำขอเปิดอภิปรายของฝ่ายค้าน โดยต้องการให้พรรคฝ่ายค้านแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันออกจากญัตติทั้งหมด ว่า พรรคก้าวไกลมีความเห็น 3 ข้อคือ 1.ยืนยันว่าพฤติการณ์ของรัฐบาลที่ถูกกล่าวถึงในญัตติการอภิปรายนั้น เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ใช่การอภิปรายถาบันฯ หรือเป็นการอภิปรายที่จะส่งผลเสียหายแก่สถาบันฯ แต่เป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลหลายๆเรื่องที่มีความร้ายแรง รวมทั้งเป็นการทำลายการปกครอง ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติร์ย์ทรงเป็นประมุข 2.การเสนอญัตติดังกล่าว ไม่มีเนื้อหาใดที่ขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ซึ่งระบุว่าห้ามกล่าวถึงสถาบันฯ โดยไม่จำเป็นไว้อยู่แล้ว ดังนั้นหากประธานสภาฯ มีความเห็นว่าฝ่ายค้านต้องแก้ไขถ้อยคำในญัตติ ก็ต้องอธิบายให้ชัดว่าข้อความในญัตติดังกล่าวขัดต่อระเบียบข้อบังคับตรงไหน ซึ่งเรายังเชื่อว่าประธานสภาฯยังมีความเป็นกลางและยึดมั่นในข้อบังคับอยู่แล้ว และ3.พรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ในการอภิปรายรัฐบาลอย่างดีที่สุด และทำหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะ และประชาชนจะเป็นผู้คนตัดสิน นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ทั้งนี้รัฐบาลควรหยุดนำเรื่องสถาบันฯ มาใช้โจมตีพรรคร่วมฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้แล้ว เพราะเป็นพฤติกรรมของรัฐบาลที่เป็นปัญหามาโดยตลอดในการหยิบเรื่องสถาบันฯ มาโจมตีฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ยิ่งทำให้เกิดปัญหาตามที่ฝ่ายค้านได้ยื่นอภิปราย คือการนำสถาบันฯ มาเป็นข้ออ้างเแบ่งแยกประชาชน ทั้งนำ มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาด ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตัวเอง ซึ่งละเมิดหลักนิติรัฐ หลักสิทธิมนุษยชน และทำร้ายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันฯ กับประชาชน ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวนี้รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าจะถูกนำเอาเรื่องนี้มาทำให้เกิดการประท้วงจนทำให้ไม่สามารถอภิปรายต่อได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เราไม่ได้กังวล แต่ขอรัฐบาลอย่าใช้เรื่องนี้มาตีรวนในสภาฯ ขอให้ฟังเนื้อหาการอภิปรายให้จบ แล้วจะเข้าใจว่าเราอภิปรายรัฐบาล เราไม่ได้อภิปรายสถาบันฯ เมื่อถามว่า ยืนยันแล้วใช่หรือไม่ว่าจะไม่มีการแก้ญัตติ นายชัยธวัช กล่าวว่า เบื้องต้นพรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้รับการประสานงานจากประธานสภาฯ และยังไม่ได้เห็นเอกสารใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อวาน(26 ม.ค.) ตนได้มีการปรึกษากับเลขาธิการพรรคเพื่อไทยว่ามีความเห็นอย่างไรในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราก็เห็นร่วมกันว่าถ้อยคำที่เขียนในญัตติไม่ได้มีปัญหาใดๆ ดังนั้น หากประธานสภาฯ คิดว่ามีปัญหาและฝ่ายค้านต้องแก้ไขถ้อยคำ ก็ต้องอธิบายชี้แจงให้ชัดเจนว่าขัดต่อข้อบังคับอย่างไร เหตุใดถึงต้องแก้ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้หาร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น แต่ยืนยันว่าเราจะกล่าวถึงสถาบันฯ เท่าที่จำเป็น ทั้งนี้เราเคยมีการอภิปรายเรื่องสถาบันฯ มาก่อนแล้ว เช่น เรื่องขบวนเสด็จฯ ที่มีความกังวลเป็นอย่างมาก สุดท้ายการอภิปรายก็ผ่านมาได้ด้วยดี และการอภิปรายยังเป็นไปอย่างมีวุฒิภาวะ ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่มีเนื้อหาใดที่จะทำให้การประชุมเดินหน้าต่อไปไม่ได้ และการประท้วงของฝ่ายรัฐบาลก็ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามถึงการถูกตั้งข้อสังเกตที่มีการสอดรับกับการเคลื่อนไหวในเรื่องสถาบันฯ ของคณะก้าวหน้านั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้เราเตรียมการมาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคณะก้าวหน้า หรือประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านนำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่มีสภา จึงอยากถามว่าส.ส.ที่ลงชื่อเสนอญัตติยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามว่า ประชาชนรับได้หรือไม่กับญัตติดังกล่าว เพราะญัตติอภิปรายฯ รัฐมนตรี ไม่ใช่ญัตติไม่ไว้วางใจสถาบัน และเห็นว่าเรื่องนี้ฝ่ายค้านมีเจตนาแอบแฝง หรือไม่ ทั้งนี้ หากฝ่ายค้านมีหลักฐานเรื่องการทุจริตชัดเจน ตนพร้อมยกมือไม่ไว้วางใจ ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เตรียมเสนอแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน หลังเสนอญัตติ เกี่ยวข้องกับสถาบันว่า ขณะนี้ต้องรอรายงาน จากฝ่ายผู้ตรวจสอบรายละเอียดญัตติฯก่อน จึงให้ความเห็นอะไรไม่ได้ โดยคาดว่าเจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องมาให้ภายใน 1-2 วันนี้ เมื่อถามว่า ในอดีตเคยมีการยื่นญัตติอภิปรายฯและเชื่อมโยงไปถึงสถาบันหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตามข้อบังคับกำหนดไว้ว่าสามารถอภิปรายฯอะไรได้บ้าง วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา101 (6)ประกอบมาตรา98 (4)และมาตรา96 (2)หรือไม่ จากกรณีศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาให้จำคุกนายเทพไท เป็นเวลา 3 ปี และตัดสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี จากคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้ เมื่อศาลนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิ 10 ปี สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายเทพไท จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา101 (6)ประกอบมาตรา98 (4)และมาตรา96 (2) นับตั้งแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2563 และถือว่าตำแหน่งว่างลงในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันอ่านคำวินิจฉัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. กำหนดให้ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งส.ส.ว่างลง ดังนั้นคาดว่ากกต.จะมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 7 มี.ค. 64 และเปิดรับสมัครในวันที่ 11-15 ก.พ.