ผ่านไปอีกหนึ่งโครงการกับมหกรรมช่วยเหลือประชาชนภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลลุงตู่ กับโครงการ "คนละครึ่งรอบเก็บตก จากเฟส 1 และเฟส 2 " จำนวน 1.34 ล้านสิทธิ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างสถิติใหม่มีผู้สมัครเต็มจำนวนภายใน 9 นาที ภายใต้ปัญหาเดิม ๆ คือ ผู้ลงทะเบียนหลายรายรับรหัส OTP ล่าช้าจากทุกเครือข่ายเหมือนเดิม จนมีกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลเปิด "คนละครึ่งเฟส3" ต่อทันที! กระแสเรียกร้องดังไปถึงหูของ "นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ออกมาเปรยว่า กรณีมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจำนวนมาก และเสนอให้รัฐบาลขยายต่อโครงการคนละครึ่งเฟส3 นั้นก.คลังได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาเรื่องการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ และเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศว่า มีความคึกคักมากขึ้นหรือไม่แค่ไหน ซึ่งก่อนมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ตัวเลขเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ พอมาถึงช่วงเกิดการแพร่ระบาดฯ ทำให้เศรษฐกิจลดลงอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการขยายโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 2 “ถ้าไตรมาส 2/2564 การใช้จ่ายยังไม่ดีเท่าที่เราอยากจะเห็นก.คลังอาจจะพิจารณา ขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เพราะการใช้จ่ายของประชาชน คิดเป็น 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ถ้าสามารถกระตุ้นในประชาชนมีรายได้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้นได้” ขณะที่ในมุมมองของภาคเอกชนกับกระแส “คนละครึ่ง” นั้น “นายสุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากผลของดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.2563 อยู่ที่ 85.8 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 87.4 เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากปัจจัยลบจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ที่มีความรุนแรงกว่ารอบแรก และขยายวงกว้างไปในหลายจังหวัด ทำให้ผู้ประกอบการปรับแผนการดำเนินกิจการเพื่อรับมือสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่มากขึ้น ดังนั้น ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบังคับใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และประเทศคู่ค้า โดยมีข้อเสนอเพิ่มเติม 4 ข้อ จากที่คณะกรรมาธิการ เสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) 5 แสนล้านบาท คือ 1.ขอไม่จำกัดวงเงินกู้ในการขอสินเชื่อ แต่ให้พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการเป็นรายๆ ไป จากที่คณะกรรมาธิการเสนอกรณีขอสินเชื่อเพิ่มเติมจากยอดหนี้เดิมได้ไม่เกิน 30% ของยอดสินเชื่อ และกรณีลูกค้าไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินกู้ได้ไม่เกิน 20 ล้านบาท ,2.ขอให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปีในระยะ 5 ปีแรก ไม่ควรกำหนดที่ 5% ต่อปีเท่านั้น ,3.ขอให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำลง 1% และ 4.ขอให้ปรับการจัดลำดับการตัดชำระหนี้ของผู้ประกอบการ โดยให้ตัดจากเงินต้นก่อน เพื่อเป็นการปรับลดจำนวนหนี้ให้แก่ผู้ประกอบการ ส่วนของมาตรการช่วยเหลือประชาชน เสนอให้เพิ่มวงเงินใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งเป็น 5,000 บาท ขยายระยะเวลาโครงการ และสนับสนุนให้มีโครงการคนละครึ่งเฟส 3 พร้อมขยายจำนวนสิทธิผู้ได้รับ สนับสนุนให้มีโครงการช้อปดีมีคืนในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในกลุ่มที่ต้องเสียภาษี โดยคืนภาษีจากเดิมสูงสุด 30,000 บาท เป็น 50,000 บาท เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2564 ได้ ขณะที่ประชาชนต่างเห็นด้วยกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดย “นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์” ที่ปรึกษาประจำของสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่สำรวจจากประชาชน1,223 ตัวอย่างทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 14-23 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ ได้สอบถามความเห็นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน และช้อปดีมีคืน โดยมาตรการคนละครึ่ง มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดถึง 62%และให้คะแนน ความพึงพอใจมากสุดถึง 9.0 คะแนนจากเต็ม 10 ส่วนเราเที่ยวด้วยกัน ผู้ตอบ 28.4%เข้าร่วม และพอใจ 7.6 คะแนน ขณะที่ช้อปดีมีคืน ผู้ตอบ 9.2%เข้าร่วม และพอใจ 7.2 คะแนน นอกจากนี้ ผู้ตอบส่วนใหญ่เห็นว่า หากรัฐต่ออายุทั้ง 3 มาตรการออกไปอีก จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 64 ดีขึ้นมาก และส่วนน้อยที่เห็นว่า จะทำให้เศรษฐกิจแย่ลง นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐดังกล่าว มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และมีผลทางจิตวิทยา ทำให้คนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยต้องการให้รัฐใช้มาตรการต่อ เช่น คนละครึ่งเฟส 3 หรือเพิ่มเงินเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อให้มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น หากรัฐบาลไม่สามารถคุมสถานการณ์การระบาดที่สมุทรสาครได้ภายใน 1 เดือน คงต้องลุ้นต่อไป “คนละครึ่งเฟส3” ว่าจะมีหรือไม่! แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเราต้องอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน! เพราะแม้จะมีสารพัดโครงการช่วยเหลือจากรัฐ แต่หากไม่ดูแลตัวเอง! ก็พังได้เช่นกัน!