เมื่อวันที่ 18 ม.ค.นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. ฐานะกรรมการสมานฉันท์​ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกรรมการสมานฉันท์ นัดแรก ซึ่งที่ประชุมได้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาตอนต้นสนทนาธรรมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อแนวทางการสร้างความสมานฉันท์และปรองดอง ทั้งนี้มีข้อสรุปที่เป็นความเห็นในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องเปิดกว้างรับความเห็นของบุคคลจากภาคส่วนต่างๆ ทั้ง ฝ่ายค้าน , กลุ่มผู้ชุมนุม หรือ ประชาชนที่มีความอึดอัดและต้องการแสดงความเห็น เบื้องต้นนั้นให้ฝ่ายเลขานุการกรรมการ หาช่องทางการรับฟังความเห็นในวงกว้างและหลากหลาย  หรือ ศูนย์รับฟังความเห็น นอกจากนั้นแล้วยังเห็นร่วมกันว่าในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันมี 3 ปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมกัน คือ สถานการณ์ทางการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกรรมการสมานฉันท์ ดังนั้นจะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องเข้าสู่การพิจารณาเป็นระยะๆ ด้วย นายวัลลภ กล่าวด้วยว่าสำหรับการเลือกกรรมการส่วนที่เหลือ คือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์ด้านการปรองดอง จำนวน 4 นั้น ที่ประชุมได้นัดหมายให้หารืออีกครั้งในการประชุม วันที่ 25 มกราคม เบื้องต้นให้กรรมการแต่ละคนนำเสนอผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ใช่นักการเมือง ส.ส.​หรือ ส.ว. และต้องเป็นผู้ที่ยินดีเข้าร่วมทำงาน ทั้งนี้ตนได้เสนอขอให้มีสัดส่วนของสตรี อย่างน้อย 2 คนเข้าร่วม เพื่อให้มีมุมคิดของสตรีและความหลากหลาย ส่วนกรรมการในสัดส่วนของผู้ชุมนุมนั้นที่ประชุมยังไม่ได้พิจารณาถึงแนวทางการเลือก เมื่อถามว่าการสร้างแนวทางปรองดองมีข้อเสนอใดที่มาจากพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ฐานะตัวแทนรัฐบาลหรือไม่ นายวัลลภ กล่าวว่า ในที่ประชุมช่วงแลกเปลี่ยนความเห็นมองว่าการสร้างแนวทางปรองดองควรพิจารณารายละเอียด เช่น กฎหมายที่ป็นประโยชน์กับการสร้างความปรองดอง ซึ่งรัฐบาลอาจต้องนำเสนอ ทั้งนี้พล.อ.ชัยชาญ ระบุว่าจะรับไปพิจารณา ขณะที่แนวทางอื่นๆ ที่เป็นข้อเรียกร้องของการชุมนุม นั้นที่ประชุมยังไม่มีประเด็นพิจารณา ทั้งนี้ตนเห็นว่าการศึกษาแนวทางใดต้องยึดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข