หลังพบปัญหาผู้ที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจ แต่ไม่ยอมกักตัวยังคงเดินทางไปที่ต่างๆ สร้างความเสี่ยงแพร่ระบาด กทม.ให้อำนาจเขตพื้นที่ ขณะนี้เขตป้อมปราบฯกำลังประสานสน.พื้นที่จัดการตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 15 ม.ค.64 พต.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.ได้ร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ครั้งที่ 11/2564 โดย พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.กทม. เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกทม.สามารถสอบสวนโรค ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ค้นพบเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อที่ได้รับการตรวจยืนยัน ที่ประชุมจึงเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานสอบสวนโรค โดยขอให้เปิดเผยและให้ข้อมูลที่เป็นจริง ชัดเจน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นสมควรลดรอบการประชุม ศบค.กทม.ลงจากที่เคยประชุมทุกวัน คงเหลือประชุมสัปดาห์ละ 2 วัน คือ วันอังคารและวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อให้หน่วยงานของกทม.สามารถให้บริการประชาชนในด้านอื่นได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ผู้แทนกลุ่มเขตกรุงเทพกลาง ได้รายงานต่อที่ประชุม ว่า ได้มีผู้ติดเชื้อหรือผู้ที่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 บางราย ซึ่งสำนักงานเขตโดยเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีคำสั่งให้กักตัว แต่บุคคลดังกล่าวได้ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ไม่กักตัวตามคำสั่งฯ ยังคงเดินทางไปในหลายสถานที่ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายและอาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ที่ประชุมจึงให้สำนักงานเขตอาศัยอำนาจเจ้าพนักงานโรคติดต่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งให้กักตัวของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่ออย่างเข้มงวดและจริงจัง ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับถึง 20,000 บาท ซึ่งขณะนี้สำนักงานเขตป้อมปราบฯ อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท้องที่ ดำเนินการเอาผิดผู้ฝ่าฝืนตามกฎหมายต่อไป