นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)ว่า กกร.ได้มีมติเห็นชอบให้ต่ออายุสินค้าควบคุม 4 รายการคือ 1.หน้ากากอนามัย 2.ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย 3.ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอลล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ 4.เศษกระดาษและกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก เป็นสินค้าควบคุมต่อไป หลังจากที่จะหมดอายุในวันที่ 3 ก.พ.64 โดยจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาอนุมัติในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการที่จะนำมาใช้ ในส่วนของหน้ากากอนามัยมี 3 ส่วนคือ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ปัจจุบันมีอยู่ 30 กว่าโรงงานจะคุมราคาอยู่ที่ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาทเช่นเดิม ส่วนหน้ากากอนามัยทางเลือก มีทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจะคุมราคาโดยต้นทุนบวกค่าบริหารจัดการไม่เกิน 60% และหน้ากากผ้าไม่ควบคุม เพราะและรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนที่ไม่ป่วยใช้หน้ากากผ้าในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้การยืนยันแล้วว่าใช้ในการป้องกันสำหรับผู้ที่ไม่ป่วยได้ สำหรับผลการดำเนินคดีในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63-12 ม.ค.64 มีผู้ร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 160 ราย ดำเนินการตรวจสอบแล้ว 129 ราย มีผลในการดำเนินคดีทั้งหมด 19 ราย ประกอบด้วย ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 13 คดี ขายเกินราคา 6 คดี ที่เหลือเมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่พบการกระทำความผิด และในจำนวนคดีที่ขายเกินราคา 6 คดีนั้นเป็นคดีที่กระทำความผิดบนออนไลน์ 2 คดี ส่วนที่เหลืออีก 31 คดีจะเร่งตรวจสอบต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า การควบคุมหน้ากากอนามัย วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต และเจลล้างมือ เนื่องจากยังมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้ยังมีความต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนเศษกระดาษที่ยังต้องคงไว้ เพื่อดูแลผู้ประกอบการรับซื้อของเก่า ขณะที่มาตรการควบคุมหน้ากากอนามัยจะมีการควบคุมการส่งออก และกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด ใยสังเคราะห์ให้แจ้งราคาและปริมาณที่ใช้ผลิตหน้ากาก เจลล้างมือ ให้แจ้งและแสดงราคา และเศษกระดาษ ให้แจ้งและแสดงราคา ทั้งนี้ผลจากการเสนอให้สินค้า 4 รายการเป็นสินค้าควบคุมต่อไป ทำให้ปัจจุบันมีสินค้าและบริการควบคุมรวม 55 รายการ แยกเป็นสินค้า 50 รายการ และบริการ 5 รายการ