พุ่งไม่หยุด! "ศบค."แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่ม 315 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 274 ราย รอสอบสวนโรค 234 ราย ยอดสะสมภายในประเทศ 2 สัปดาห์ ขึ้นเป็นหลักพัน ค้นหาแรงงานต่างด้าวเจอเพิ่ม 30 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศพบในสถานที่กักกัน 21 ราย ด้านทั่วโลกผู้ติดเชื้อ 84.9 ราย ผงะ! เปิดข้อมูลเพิ่ม"ชายวัย 44"ติดโควิดดับ เที่ยวคาเฟ่ย่านท่าพระ-นักร้องติดเชื้ออื้อ ขณะที่"โควิดสายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์"พบในประเทศไทยแล้ว "หมอยง"เผย"เป็นครอบครัวชาวอังกฤษ 4 คน แพร่ระบาดได้ง่ายและกระจายอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ม.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 315 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 274 ราย ผู้ติดเชื้อค้นหาคัดกรองเชิงรุกแรงงานต่างด้าว 20 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และพบในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทุกรายเข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) 21 ราย ประกอบด้วย บาห์เรน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย คูเวต 1 ราย สหรัฐอเมริกา 4 ราย รัสเซีย 2 ราย อิตาลี 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย กาตาร์ 2 ราย อิตาลี 3 ราย เอธิโอเปีย 1 ราย อินเดีย 1 ราย และสหราชอาณาจักร 1 ราย ส่วนวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 38 ราย ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 7,379 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 5,650 ราย ติดเชื้อค้นหาคัดกรองเชิงรุกแรงงานต่างด้าว 1,460 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,044 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 1,510 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 38 ราย รวมเป็น 4,337 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,293 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 64 ราย โดยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 เวลา 10.00 น. ยอดผู้ติดเชื้อรวม 84,975,277 ราย อาการรุนแรง 106,510 ราย รักษาหายแล้ว 60,093,000 ราย เสียชีวิต 1,843,313 ราย ทางด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยไทม์ไลน์ชายอายุ 44 ปี ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ในพื้นที่กรุงเทพฯโดยพบผู้สัมผัสติดเชื้อ 12 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 279 ราย ขอให้ผู้ที่เคยไปร้าน groove evening ร้าน New Jazz ร้าน The SUN และร้าน The roof bar เข้าระบบ BKKcovid19 ด่วน! กทม. จะจัดเจ้าหน้าที่ติดต่อไปโดยเร็วที่สุด จากผลการสอบสวนโรคผู้ป่วยชาย อายุ 44 ปี มีอาชีพอิสระ บ้านพักอยู่เขตสาทร มีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงหลายแห่งในพื้นที่ กทม. ดังนี้ วันที่ 13 ธ.ค. 63 ไปร้าน groove evening กับเพื่อนรวม 6 คน วันที่ 22 ธ.ค. 63 ไปร้าน groove evening กับเพื่อนรวม 4 คน วันที่ 25 ธ.ค. 63 ไปร้าน New Jazz ตรงข้าม The mall ท่าพระ และร้าน The SUN ถ.บรมราชชนนี กับเพื่อนรวม 3 คน วันที่ 26-27 ธ.ค. 63 มีอาการไข้ มีน้ำมูกไหล ไอ วันที่ 28 ธ.ค. 63 ไปร้าน groove evening กับเพื่อนรวม 6 คน วันที่ 30 ธ.ค. 63 ไปตรวจที่โรงพยาบาลเจริญกรุงฯ มีอุณหภูมิ 38.3 องศาเซลเซียส ระดับออกซิเจนในเลือด 80% Admit ที่โรงพยาบาล ใส่ท่อช่วยหายใจและเครื่องช่วยใจ วันที่ 31 ธ.ค. 63 อาการแย่ลง ส่งต่อโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ EOC สำนักอนามัย รับแจ้งการเสียชีวิต เวลา 14.19 น. กทม.ได้สอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เชิงรุก เมื่อวันที่ 1-2 ม.ค.64 พบผู้ติดเชื้อ 12 ราย และผู้สัมผัสทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 279 ราย โดยมีรายละเอียด ดังนี้ พนักงานร้าน New Jazz Swab มีพนักงาน 120 ราย Swab 20 ราย พบติดเชื้อ 9 ราย คนในครอบครัวมี 7 ราย Swab ทั้งหมดแล้ว พบติดเชื้อ 1 ราย โดยผู้ติดเชื้อคนนี้ทำงานที่ร้าน The roof bar คนในร้าน The roof bar 12 ราย เป็นผู้สัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อร่วมบ้าน ที่ทำงานในร้าน The roof bar อยู่ระหว่างสอบสวน พนักงานร้าน groove evening มีพนักงาน 35 ราย อยู่ระหว่างสอบสวน เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารที่ร้าน groove evening Swab 5 ราย พบติดเชื้อ 2 ราย พนักงานร้าน The SUN ถ.บรมราชชนนี มีพนักงาน 100 ราย อยู่ระหว่างสอบสวน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และขอให้ผู้ที่ไปร้าน groove evening ร้าน New Jazz ร้าน The SUN และร้าน The roof bar ตามไทม์ไลน์เข้าระบบ BKKcovid19 โทรสายด่วน สำนักอนามัย กทม. 022032393 หรือ 022032396 ได้ครับสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ร้านกรูฟอีฟนิงบาร์ เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ ริมถนนบรมราชชนนี ย่านปิ่นเกล้า ส่วนร้านนิวแจ๊ส สาขา 1 เป็นร้านสถานบันเทิงประเภทคาเฟ่ตั้งอยู่ในซอยรัชดา-ท่าพระ 9 ตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ ซึ่งร้านแห่งนี้มีพนักงานส่วนใหญ่เป็นนักร้อง 50-60 คนและมีพนักงานบริการอีกส่วนหนึ่งที่รอลุ้นผลตรวจเชื้อ ล่าสุดพบว่าที่ร้านนิวแจ๊สมีนักร้องติดเชื้อโควิดแล้ว 16 คนในขณะที่ร้านเดอะซัน ซึ่งเป็นคาเฟ่ ถ.บรมราชชนนี อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค วันเดียวกัน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยมีเนื้อหาว่า "โควิด 19 สายพันธุ์อังกฤษกลายพันธุ์ พบในประเทศไทยแล้ว" โดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ได้ถอดรหัสสายพันธุ์ พบเป็นสายพันธุ์อังกฤษหรือที่เรียกว่า “สายพันธุ์อังกฤษที่กลายพันธุ์ B.1.1.7” ได้ในประเทศไทย เป็นครอบครัวชาวอังกฤษ 4 คน พ่อ แม่ ลูก 2 คน ติดเชื้อทั้ง 4 คน โดยที่แม่และลูกเป็นก่อน พ่อเป็นทีหลัง มาจากเมือง Kent ประเทศอังกฤษ และอยู่ใน ASQ (Alternative State Quarantine) โรงพยาบาลเอกชนและเราควบคุมอย่างดีไม่ให้แพร่กระจายออกไป ทั้งนี้ การถอดรหัสพันธุกรรมทำให้ทราบว่าสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ของอังกฤษกลายพันธุ์ที่ทั่วโลกเฝ้าระวังกันมากและมีการระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ ได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรม 2 ราย มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งเกาะจับตัวรับของเซลล์มนุษย์ (N501Y) การกลายพันธุ์ที่จุดตัดของสไปค์โปรตีน (P681H) ตำแหน่งอื่นๆ ที่ขาดหายไป (Spike 69-70 Deletion) และตำแหน่งอื่นๆ อีก ซึ่งสายพันธุ์นี้ทำให้การแพร่ระบาดได้ง่ายและกระจายอย่างรวดเร็ว ในครอบครัวนี้ก็ติดหมดทั้ง 4 คน อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศไทย สายพันธุ์นี้ไม่ได้ทำให้โรครุนแรงขึ้นและไม่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของวัคซีน ขอให้สบายใจได้ ผู้ป่วยทั้ง 4 รายนี้อยู่ในความควบคุมและระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ให้เชื้อหลุดรอดออกมาได้ ผู้ป่วยยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลในห้องความดันลบและต้องมั่นใจว่าไม่มีเชื้อแล้ว จึงจะออกมา ดังนั้นโอกาสที่จะแพร่ขยายในประเทศไทยจึงไม่มี โดยผู้ที่มาจากประเทศอังกฤษมาประเทศไทยจะต้องเฝ้าระวัง ในรายที่มาจากต่างประเทศการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเป็นฐานข้อมูลจะเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยหาแหล่งที่มาของโรค ผู้สื่อข่าวรายงาน ในวันที่ 4 ม.ค. เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ซึ่งศบค.ชุดเล็ก จะเสนอให้นายกฯ พิจารณาลงนามประกาศมาตรการฉบับที่ 6 ที่ได้ออกมาช่วงที่ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น โดยจะมี 8 มาตรการประกอบด้วย 1.การห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค 2.ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงกับการควบคุมโรค 3.การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค 4.ร้านอาหาร ปฏิบัติตามเงือนไขตามที่กำหนด 5.ห้างสรรพสินค้ายังให้เปิดทำการได้ในเวลาปกติ 6.กำหนดให้ตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด 7.การทำงานแบบ Work from Home และ8.การให้คณะกรรมการเฉพาะกิจฯพิจารณาผ่อนคลายข้อบังคับการใช้มาตรการป้องกัน