“ศบค.” ปรับ 8 มาตรการชง “นายกฯ” นั่งกินร้านอาหารได้ แต่เพิ่มเงื่อนไข – เปิดช่องจัดงานแต่งได้ขออนุญาตจว. ย้ำยังไม่ห้ามปชช.เดินทางข้ามจังหวัด แต่อาจลำบากบ้างต้องผ่านหลายด่านตรวจคัดกรอง โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุด แค่ขอความร่วมมือลดเดินทางเท่าที่จำเป็น ทั้งหมดขอรอนายกฯ 4 ม.ค.ถือเป็นมาตรการแบบประนีประนอม เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ม.ค. 64 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ว่าผอ.ศบค.ได้ลงนามในประกาศมาตรการฉบับที่ 6 แล้วหรือยัง และจะมีผลบังคับในวันที่ 4 ม.ค. เวลา 06.00 น. ตามที่เสนอหรือไม่ โดยนพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ณ ตอนนี้ยังเป็นร่าง ซึ่งนำมาพูดคุยกันในที่ประชุมเช้านี้อีกรอบหนึ่ง ได้มีการทบทวนมาตรการต่างๆตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในมาตรการที่จะออกไป โดยจะดูจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ข้อมูลที่มีมา เรื่องของจังหวัดที่แตกต่างกันไป ฉะนั้นได้มีการปรับแก้ไขบ้าง เพื่อให้นายกฯพิจารณาลงนาม โดยที่ประชุมช่วงเช้ามีการพูดคุยและเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีทั้งหมด 8 ข้อที่จะเกิดในฉบับที่ 6 นี้ ข้อที่ 1. เช่น การห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค หรือการห้ามใช้อาคารหรือสถานที่ของโรงเรียน สถาบันการศึกษาทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือสีแดงที่ประกาศใน 28 จังหวัด ข้อที่ 2 ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงกับการควบคุมโรค ยังให้เช่นการจัดประชุมสัมมนา จัดเลี้ยง การแจกจ่ายอาหาร หรือสิ่งของต่างๆ เว้นแต่เป็นการดำเนินงานโดยพนักงานเจ้าหน้าที่หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ มีหลายคนถามมาเรื่องการแต่งงานแจกการ์ดไปแล้ว ตรงนี้เราเปิดช่องต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ในจังหวัด แต่ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ ซึ่งจะเติมคำว่าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ โดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กำหนดหลักเกณฑ์พิจารณาอนุญาตของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ความรับผิดชอบ ข้อที่ 3 การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พิจารณาสั่งปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทั้งอยู่ในพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด พูดง่ายๆถ้าเป็นประกาศสีแดงได้เลย ตอนนี้ก็ต้องปิดกันไปทั้งหมด ข้อที่ 4 เรื่องของร้านอาหาร ที่มีการพูดคุยกันเยอะ ร้านอาหารที่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวคนมาเท่านั้นถึงจะไปกิน แล้วให้เอากลับไปกินที่บ้านเขาจะไปกินที่ไหน และไม่ได้เป็นที่แออัดมากมาย เขาจะต้องโดนด้วยหรือ จึงมีร่างใหม่ขึ้นมาว่า เงื่อนไขการเปิดดำเนินการในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้สถานที่ กิจการ หรือการทำกิจกรรมต่อไปนี้เปิดดำเนินการภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา และการจัดระบบและระเบียบต่างๆที่กำหนด (1) การจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ให้จัดระเบียบการเข้าใช้บริการ จำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน การจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด โดยอาจให้เป็นลักษณะของการนำกลับไปบริโภคที่อื่น โดยให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของกระทรวงมหาดไทย และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกันพิจารณากำหนดรูปแบบและการกำกับการดำเนินการตามข้อปฏิบัติมาตรการดังกล่าวของแต่ละพื้นที่จังหวัดให้มีความเหมาะสม “พูดง่ายๆคือปรับโทนเบาลงไป ให้อำนาจคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้ที่พิจารณา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประกอบกิจการร้านอาหาร เพราะเป็นเรื่องที่บริโภคทุกวัน หากเห็นแล้วตรงนี้มีติดเชื้อสูงสุดแล้วมีประวัติไปสถานกิจการร้านอาหาร หรือผับบาร์ คาราโอเกะ ก็ห้าม และให้ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว แต่ถ้าพื้นที่ไกลไปกว่านั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะประกาศให้นั่งทานได้ โดยมีมาตรการป้องกัน นี่คือสิ่งที่สร้างความอ่อนตัวกับเรื่องของประกาศข้อนี้ และ (2) การจำหน่ายสุราสำหรับร้านอาหาร สถานที่ซึ่งจำหน่ายสุรา ห้ามบริโภคสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ตรงนี้ทำเหมือนเดิม”นพ.ทวีศิลป์กล่าว โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า ข้อที่ 5 ห้างสรรพสินค้ายังให้เปิดทำการได้ในเวลาปกติ ซึ่งคำสั่งปิดหรือเปิดในข้อนี้ตามความเหมาะสมของมาตรการสถานที่ มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถสั่งเปิด-ปิดในพื้นที่ต่างๆเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กำหนดได้ เรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด ยังไม่ได้ห้าม โดยข้อ 6 กำหนดให้ตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจ และคัดกรองการเดินทาง โดยใช้เส้นทางคมนาคมข้ามเขตพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะการเดินทางของบุคคลจากเขตพื้นที่ที่สถานการณ์กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ทั้งนี้ให้ดำเนินการตามศบค.กำหนด โดยพิจารณาตามควาเหมาะสมของพื้นที่ และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่ เว้นแต่มีเหตุกรณีจำเป็น สรุปเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ได้งด ไม่ได้ให้หยุดการเดินทาง ผู้ที่มีธุระจำเป็นสามารถไปได้ แต่พนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มงวดการเดินทาง โดยอาจมีความไม่สบายอยู่บ้าง อาจตั้งด่านตรวจบ่อยขึ้น ถ้ามีเหตุสมควรในการเดินทางจากพื้นที่ที่เป็นสีแดง จะได้ดูว่ามีความจำเป็นจริงๆอาจจะมีความยากลำบาก เพราะด่านอาจะต้องมีการตั้งด่านหลายด่านมากขึ้น ก็ต้องไม่ว่ากัน นี้คือความไม่สะดวกที่จะเกิดขึ้น เพราะเราต้องคัดกรองคนที่ไม่จำเป็นอย่างเดินทาง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า รวมถึงข้อที่ 7.การทำงานแบบWork from Home การทำงานเหลื่อมเวลาก็จะทำอย่างเต็มที่ และข้อ 8.เรื่องของการให้คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ พิจารณาผ่อนคลายข้อบังคับการใช้มาตรการป้องกัน และยับยั้ง เสนอนายกฯ ให้ผ่อนคลายหรือกระชับมาตรการที่บังคับใช้กับสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมหรือที่เห็นสมควร เป็นข้อที่อาจเป็นไปตามนี้หรืออาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับอำนาจนายกฯ ในฐานะผอ.ศบค.ที่จะเกิดขึ้น โดยฝากติดตามต่อโดยเลขาธิการสมช.จะกราบเรียนนายกฯ พิจารณา ส่วนจะออกเช้าวันที่ 4 ม.ค.หรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจนายกฯ และที่สุดความร่วมมือของพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า อยากให้ยกตัวอย่าง อย่างร้านขายอาหาร ร้านขายก๋วยเตี๋ยว ในกทม.ที่ได้ประกาศพื้นที่สีแดง 3 เขต ถ้าสมมุติประกาศของนายกฯ ในวันที่ 4 ม.ค.ส่งผลกทม.เป็นพื้นที่สีแดงหมดเลยหรือไม่ แล้วร้านก๋วยเตี๋ยวต้องฟังจากใคร นั่งได้หรือนั่งไม่ได้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ต้องฟังจากกทม.จะประกาศจะใช้แนวทางใด จะทั้งกทม.หรือบางพื้นที่ เป็นอำนาจผู้ว่าฯ กทม. รอฟังประกาศนายกฯ และรอฟังประกาศพื้นที่ตัวเอง เมื่อถามว่า คนที่อยู่ในพื้นที่สีแดง อย่างพนักงานบริษัท สื่อมวลชน คนขับรถส่งต่างๆ ที่ต้องไปพื้นที่สีส้ม สีเหลือง ยังทำได้อยู่ถูกต้องหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยังทำได้อยู่ รวมถึงสายการบิน รถประจำทาง รถตู้ขนส่ง แต่ ณ วันนี้ การสอบสวนโรคมีความสำคัญ ประชาชนต้องรับฟัง พบการติดต่อเรื่องพาหนะขนส่ง และได้พูดคุยในที่ประชุมศบค.เช้านี้ โดยเป็นข้อสรุปของกระทรวงสาธารณสุข โดยพบว่า ผู้ที่ขับรถประจำทางติดเชื้อ ทำคนที่นั่งในรถตู้ติดเชื้อครึ่งคันรถ ถ้าเกิดขึ้นสายไหน ให้เป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด บวกคมนาคมของจังหวัดนั้นพิจารณา ต่อไปถ้าติดและเข้มขึ้นมาตรงไหน เส้นทางนั้น การนั่งรถแถวนั้นอาจเข้มกว่าประกาศศบค.ได้ แต่จะอ่อนกว่าไม่ได้ รถตู้สายนั้นอาจหยุดเลยก็ได้ นี้คือสิ่งที่ต้องใช้ข้อมูลแต่ละจังหวัดมาพิจารณา และทำให้กระบวนการข้อปฏิบัติต้องเป็นรายจังหวัด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเดินทางเราไม่อยากให้เดินทางกันมาก ให้ลดลงให้ได้ เพราะหลักการติดเชื้อเกิดจากการไปมาหาสู่กัน ไม่เว้นระยะห่าง การนั่งรถผิดหลักข้อเว้นระยะห่าง ดังนั้น ทุกอย่างไม่ถูกต้องในการปฏิบัติตัว การเดินทางต้องไปที่ไหนนานๆห่างกันไม่เกิน 1 เมตร บางทีนั่งชิดกันด้วยบางทีเสี่ยงติดโรคได้ เป็นกิจการ/กิจกรรมที่ต้องควบคุม แต่ไม่ได้ควบคุมแบบตึงตัวเหมือนที่เราประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในครั้งแรก โดยงดการบินเลย อย่างนั้นเราไม่ทำขนาดนั้น นี้คือที่เราพยายามขอความร่วมมือก่อน แม้ครั้งนี้เรารู้ว่าต้องใช้ยาแรง แต่อย่างที่บอกการใช้ยาแรงทำให้สูญเสียอย่างอื่นได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องประนีประนอมลงไปในมาตรการที่พอเหมาะพอสม