วันนี้ (23 ธ.ค. 63) ที่ สภ.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย พ.ต.ท.ศิริพงษ์ พหลชัยชูพงศ์ สวญ.สภ.เซิม ,พ.ต.ท.นักรบ แสงจันโท สว.สส.สภ.เซิม ,พ.ต.ท.ปฎิวัติ ชุมแวงวาปี สวป.สภ.เซิม,ร.ต.อ.บัญชา หากันได้ รอง สว.สส.สภ.เซิม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เซิม ร่วมกับ ร.ต.ต.นที นนท์ฤทธิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จังหวัดหนองคาย โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.กิตติศักดิ์ จำรัสประเสริฐ ผบก.ภ.จังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงจับกุม นายยุรนันท์ หรือแซม โลหิตดี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 7 บ้านเหล่าโพธิ์ทอง ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 14,309 เม็ด ( 71 ถุง), ไอซ์ น้ำหนักประมาณ 96กรัม รถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา หมายเลขทะเบียน บษ 4639 สุพรรณบุรี จำนวน 1 คัน ,บันทึกผลการตรวจพิสูจน์สารเสพติด (เมทแอมเฟตามีน)ในปัสสาวะนายยุรนันท์ โลหิตดี ของโรงพยาบาลโพนพิสัย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดยกล่าวหาว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ทั้งนี้ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ พหลชัยชูพงศ์ สวญ.สภ.เซิม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสัมฤทธิ์ หรือโบ้ สุบิน พร้อมพวกจะนำยาเสพติด (ยาบ้าและยาไอซ์) จำนวนมากมาพักไว้ในเขตตำบลบ้านโพธิ์ และรอยต่อ เพื่อมาจำหน่ายและจ่ายแจกให้กับเครือข่ายที่อยู่ในเขตตำบลบ้านโพธิ์ และเขตติดต่อใกล้เคียง โดยมี นายยุรนันท์ หรือแซม โลหิตดี ราษฎรบ้านเหล่าโพธิ์ทอง ตำบลบ้านโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย อยู่ในเครือข่ายของนายสัมฤทธิ์ฯด้วย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.นักรบ แสงจันโท สว.สส.สภ.เซิม ,พ.ต.ท.ปฎิวัติ ชุมแวงวาปี สวป.สภ.เซิม,ร.ต.อ.บัญชา หากันได้ รอง สว.สส.สภ.เซิม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เซิม ร่วมกับ ร.ต.ต.นที นนท์ฤทธิ์ รอง สว.กก.สส.ภ.จังหวัดหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จังหวัดหนองคาย ได้ทำการสืบสวนเพื่อตรวจสอบข่าวและได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้ติดตามสกัดกั้นตามเส้นทางที่คาดว่านายสัมฤทธิ์ฯ กับพวกจะผ่านเส้นทางนั้น แต่ปรากฏว่านายสัมฤทธิ์ฯกับพวกได้ใช้อีกเส้นทาง ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ ทำให้คลาดการติดตาม แต่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เซิม ได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องจนทราบว่า นายยุรนันท์ หรือแซมฯ ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายสัมฤทธิ์ฯ ได้นำยาเสพติดไปพักรอให้เครือข่ายมารับเอา และรอเวลานำยาเสพติดออกไปวางส่งไว้ตามจุดต่าง ๆ ตามที่ได้รับว่าจ้าง ส่วนนายสัมฤทธิ์ฯได้เดินทางกลับไปพักอยู่ในเขต อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ต่อมาชุดสืบสวน สภ.เซิม จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้เข้าทำการตรวจสอบ/จับกุมในวันที่ 22 ธ.ค. 2563 เวลาประมาณ 15.30 น. โดยได้เข้าตรวจสอบที่กระท่อมไม่มีเลขที่ ใกล้กับวัดเนินนิมิตร ด้านทิศตะวันตกบ้านโคกกลาง หมู่ที่ 11 ตำบลเซิม อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มชายหลายคนกำลังมั่วสุมกันอยู่ จึงได้จอดรถยนต์แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เข้าทำการตรวจสอบ พบชาย 3 คน ทราบชื่อภายหลังคือ นายยุรนันท์ หรือแซม โลหิตดี, นายศักดิ์กริน หรือริน ทะยะสุทธิ์, นายอนุวัฒน์ หรือนุ เทศต่วน อยู่ที่บริเวณกระท่อมนา และในบริเวณใกล้ๆกับกระท่อมนา พบชายอีก 3 คน ทราบชื่อภายหลังคือนายชัยนาท หรือนาท ประคำแหง, นายสุริยันต์ หรือมอส โพธิ์เกตุ, นายเสถียร หรือเถียร เสียวสีทา กำลังเสพยาบ้าอยู่ เมื่อมองเห็นเจ้าพนักงานตำรวจ กลุ่มชายที่มั่วสุมอยู่พากันจะวิ่งหลบหนี แต่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าควบคุมไว้ได้ก่อน แล้วขอตรวจค้นตัวรวมทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณกระท่อมนาดังกล่าว ผลการตรวจค้นตัวนายอนุวัฒน์ฯ, นายชัยนาทฯ, นายสุริยันต์ฯ, นายเสถียรฯและรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณนั้น ไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่จากพฤติการณ์ที่มั่วสุมกันอยู่ ทั้งสี่คนรับว่าพวกตนกำลังเสพยาบ้าอยู่จริง จึงขอตรวจปัสสาวะของทั้ง 4 คนพบว่าปัสสาวะมีผลเป็นบวก จึงทำการจับกุม ส่วนนายศักดิ์กรินฯ ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้ามาถึง ได้มองเห็นว่านายศักดิ์กรินฯนำสิ่งของบางอย่างที่ถืออยู่ในมือขวา นำไปซุกซ่อนไว้ที่ใต้เสื่อ ที่วางอยู่พื้นดินด้านล่างกระท่อมนา เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นดูต่อหน้านายศักดิ์กรินฯ พบว่าเป็นยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 2 กรัม (ทราบภายหลัง) และนายศักดิ์กรินฯรับว่าเป็นยาไอซ์ ที่ตนได้รับจากนายยุรนันท์ หรือแซมฯ เป็นค่าจ้างในการซ่อมและดัดแปลงรถยนต์ของนายยุรนันท์ หรือแซมฯ หมายเลขทะเบียน บษ 4639 สุพรรณบุรี คันที่จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นตัวนายยุรนันท์ หรือแซมฯ แล้วไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด จึงได้ขอตรวจค้นรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา หมายเลขทะเบียน บษ 4639 สุพรรณบุรี ซึ่งนายยุรนันท์ฯ รับว่าเป็นรถยนต์ของตนจริง จึงทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ต่อหน้านายยุรนันท์ หรือแซมฯ ผลการตรวจค้นพบถุงสะพายสีชมพูที่ทำจากถุงปุ๋ยเก่า อยู่ด้านหลังเบาะคนขับ ตรวจดูภายในถุงสะพายพบถุงพลาสติกสีเหลืองแบบหูหิ้ว ข้างในถุงพลาสติกมีห่อวัตถุที่พันรวมกันด้วยเทปกาวสีดำจนแน่น จึงตรวจสอบก้อนเล็กที่พันด้วยเทปกาวสีดำจนแน่น และก้อนใหญ่ 2 ก้อน ดูต่อหน้านายยุรนันท์ หรือแซมฯ พบว่าเป็นยาบ้าและยาไอซ์ และจากการตรวจนับในภายหลัง ปรากฏว่าเป็นยาบ้าเม็ดสีส้ม อมแดง และเม็ดสีเขียว รวมกันจำนวนประมาณ 14,309 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงที่ห่อเป็นมัด ๆ จำนวน 7 มัด โดยแต่ละมัดห่อชั้นนอกด้วยพลาสติกใส แล้วห่อชั้นในด้วยกระดาษสาอีกชั้น แยกออกตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นถุงพลาสติกสีน้ำเงินและสีชมพู แบบดึงเปิด-กดรูดปิด จำนวน 70 ถุง ถุงละประมาณ 200 เม็ด และตรวจสอบอีกก้อนที่พันด้วยเทปกาวสีดำจนแน่น ที่พันรวมอยู่กับก้อนใหญ่ 2 ก้อนนั้น พบว่าเป็นยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 90 กรัม และตรวจค้นภายในลิ้นชักเก็บของภายในรถยนต์ พบยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 6 กรัม ห่อด้วยกระดาษชำระสีขาวห่อด้านนอกด้วยเศษถุงพลาสติกใสอีกชั้นวางอยู่ในลิ้นชักรถ จากนั้นได้ตรวจค้นบริเวณเบาะด้านหลังซึ่งดัดแปลงเป็นลำโพงเครื่องเสียงพบถุงพลาสติกสีน้ำเงิน แบบดึงเปิด กดรูดปิด จำนวน 1 ถุง พบว่าเป็นยาบ้าเม็ดสีส้ม อมแดงและเม็ดสีเขียว ตรวจนับดูภายหลังเป็นยาบ้า จำนวน 39 เม็ด อยู่ในซองบุหรี่ วางอยู่ช่องวางช่วงกลางระหว่างลำโพงภายในรถ สอบถามนายยุรนันท์ หรือแซมฯ แล้วรับว่ายาบ้าและยาไอซ์ ทั้งหมดเป็นของตนจริง เจ้าหน้าที่จึงจับกุม ส่วนคนอื่น ๆ ผลการตรวจจากโรงพยาบาลโพนพิสัย ยืนยันว่าพบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะของทุกคนเช่นกัน และเจ้าพนักงานตำรวจได้แยกดำเนินคดีต่อไป นายยุรนันท์ หรือแซมฯ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดที่เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบภายในรถยนต์ของตนนั้น เป็นของตนจริง โดยทั้งหมดตนได้รับมาจากนายสัมฤทธิ์ หรือโบ้ สุบิน ราษฎรบ้านโนนสีทอง ต.บ้านโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย โดยตนได้ค่าจ้างล่วงหน้าเป็นยาบ้า จำนวน 1 ถุง (200 เม็ด) โดยตนได้แบ่งให้คนอื่น ๆ เสพ และตนเสพด้วย จนเหลือเพียง 39 เม็ด ที่ตรวจค้นพบภายในรถยนต์ ส่วนยาบ้าและยาไอซ์ที่มัดรวมกันอยู่ในถุงพลาสติกสีเหลืองนั้น ตนรอคำสั่งจากคนลาวให้นำไปวางตามจุดต่าง ๆ ที่เขียนไว้บนห่อ โดยเบอร์โทรของคนลาวตนได้บันทึกรายชื่อไว้ในมือถือของตนว่า “อ้าย” และเบอร์โทรของนายสัมฤทธิ์ สุบิน ตนได้บันทึกรายชื่อไว้ในมือถือของตนว่า “บักทิด” และตนเสพยาบ้าเป็นประจำ ล่าสุดเสพจำนวน 2 เม็ด จากนี้เจ้าหน้าที่จะได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.เซิม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.