นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ว่ามีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ 300 บาทในพื้นที่จังหวัดชลบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการและมอบหมายให้ตนติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยที่มีการจำหน่ายแพงเกินสมควรนั้นได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดชลบุรี ดำเนินการตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากกล่องละ 300 บาท ตามที่สื่อนำเสนอข่าวเป็นจริงหรือไม่ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า ร้านขายยา 10 แห่ง ซึ่งได้สุ่มไปแต่ละพื้นที่โดยเฉพาะบางแสน ไม่พบว่ามีการขายแพงตามที่สื่อนำเสนอข่าวออกไปแต่อย่างไร
สำหรับร้านค้าที่เข้าตรวจสอบ เช่น ร้านดีฟาร์มาซี สาขาบางแสน,ร้านฟาซิโน สาขาบางแสน,ร้านWHC วังยาเอลแคร์,ร้านบ้านยาบูรพา,ร้านยาหยีเภสัช,ร้านเฮลท์ อัพ สาขาห้างแหลมทอง,ร้านบูทส์ สาขาห้างแหลมทอง,ร้านวัตสันสาขาห้างแหลมทอง,ร้านบริบาลเภสัช และร้านคลังยา 51 เป็นต้น
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบเบื้องต้น ในการเข้าไปสอบถามราคาซื้อขาย เหมือนประชาชนทั่วไป ก่อนที่จะแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการจำหน่ายเกินราคาที่กรมการค้าภายในประกาศไว้ที่ 2.50 บาทต่อชิ้นยังอยู่ในราคาควบคุม ราคาต่อกล่องอยู่ที่ 85-120 บาทกล่องละ 50 ชิ้น
ขณะเดียวกันแม้การตรวจสอบจะพบว่าหลายร้านสินค้าเหลือน้อยลง เนื่องจากไม่ได้สต็อกสินค้าไว้แต่ร้านค้าก็มีการสั่งซ้อสินค้าไว้แล้ว โดยเชื่อว่าหน้ากากอนามัยมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน จากปัญหาการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทำให้ประชาชนวิตกกังวลและมีความต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก แต่หน้ากากทางเลือกก็ยังเป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถใช้ป้องกันได้ โดยสามารถหาซื้อได้เช่นกัน
โดยตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในการลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ 76 จังหวัด ซึ่งมีร้านค้าที่จำหน่ายทั้งสิ้น 14,847 ร้านค้าทั่วประเทศ พบว่ามีร้านการกระทำความผิด 435 ราย และได้ดำเนินคดีสิ้นสุดไปแล้ว 2 ราย ที่จังหวัดบังกาฬ 1 ราย ผิด มาตรา 29 ซึ่งขณะนี้รอลงอาญา ปรับ 50,000 บาท และอีก 1 รายที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ผิดมาตรา 29 จงใจขายแพง และผิด มาตรา 30 ปฏิเสธการขาย ไม่รอลงอาญา จำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท ส่วนคดีที่เหลืออยู่ในชั้นศาลรอการพิจารณาต่อไป
สำหรับการติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร พบว่ามีความต้องการหน้ากากเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดในพื้นที่ และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พาณิชย์ พบว่าหน้ากากอนามัยยังมีเพียงพอต่อความต้องการ ส่วนการจำหน่ายหน้ากากยังอยู่ในราคาควบคุม ไม่พบว่ามีการจำหน่านแพงเกินสมควร และไม่พบการกักตุน รวมไปถึงในพื้นที่จังหวัดอื่น เช่น นนทบุรี พะเยา ชลบุรี เป็นต้น
ขณะที่ในกลุ่มสินค้าเจลล้างมือ แอลกอฮลล์ล้างมือ อุปกรณ์ชำระล้าง จากการติดตามสินค้ายังมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากกรมสรรพสามิตได้ปลดล็อกปัญหาการผลิตแอลกอฮลล์ ทำให้การผลิตดีขึ้นและมันสำปะหลังไทยเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการผลิตแอลกอฮอล์อีกด้วยก็มีเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นว่ามีการจำหน่ายเกินจริง สามารถแจ้งสายด่วน 1569 ได้ เพื่อที่จะส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบทันที
“การจำหน่ายเกินราคา มีความผิดตามมาตรา 25 โดยมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมีการจำหน่ายแพงเกินสมควร มีการกักตุน มีความผิดตามมาตรา 29 และ 30 ซึ่งมีโทษหนักจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

