นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า “องคุลีมาลแห่งศตวรรษที่ 21 กับพระมหาอาจารย์”
องคุลีมาล หลงผิดทำบาปเพราะโดนอาจารย์ของตัวเองแหกตาหลอกลวง จนกระทั่งเมื่อพบกับพระพุทธเจ้าก็พยามจะฆ่าพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ก็สามารถชี้ทางสว่างแห่งธรรมจนองคุลีมาลกลับใจได้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็เห็นภาพองคุลีมาลยุคปัจจุบันซึ่งมีอยู่หลายองคุลีมาลเหลือเกิน
ลองมาจินตนาการตามผม วันหนึ่งพระมหาไพรวัลย์ พระมหาสมปอง ได้มาพบกับชาญวิทย์ สมศักดิ์ เจียม ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร แทนที่พระมหาอาจารย์จะเบิกเนตรด้วยการนำธรรมพระของพระพุทธเจ้าชี้ทางที่ถูกต้องให้ชาญวิทย์ สมศักดิ์ เจียม ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร เดินตาม กลับกลายเป็นว่า พระมหาอาจารย์กลับโดนแนวความคิดของลัทธิบุปผาชน ของกลุ่มคนที่มีแนวทางชีวิตที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกฎเกณฑ์ของสังคมเหล่านั้นมาแหกตา แล้วพระมหาอาจารย์ที่ผ่านการศึกษาและปฏิบัติธรรม ก็เดินตามกลุ่มคนที่เชื่อถือแนวคิดในลัทธิบุปผาชนไปชิบ
แทนที่พระมหาอาจารย์จะเจริญรอยตามองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เบิกเนตรชี้ทางที่ถูกต้องให้กับผู้ที่หลงผิด พระมหาอาจารย์กลับคล้อยตามผู้ที่หลงผิด และร่วมขบวนทำบาปกันต่อไป
องคุลีมาล
แต่เดิมนั้นองคุลิมาลชื่อว่า อหิงสกะ เป็นบุตรของปุโรหิตในราชสำนักของ พระเจ้าปเสนทิโกศล เมืองสาวัตถี อหิงสกะได้ไปเรียนวิชาที่เมืองตักกสิลา และสามารถเรียนได้รวดเร็วอีกทั้งยังปรนนิบัติอาจารย์อย่างดี จนเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์อย่างมาก เป็นเหตุให้ศิษย์อื่นริษยา จึงยุยงอาจารย์ว่าองคุลิมาลคิดจะทำร้าย
อาจารย์จึงคิดจะกำจัดองคุลิมาลเสีย โดยบอกกองคุลิมาลว่า ถ้าจะสำเร็จวิชาต้องฆ่าคนให้ได้ 1,000 คนเสียก่อน องคุลิมาลจึงออกเดินทางฆ่าคน แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือมาคล้องที่คอเพื่อให้จำได้ว่าฆ่าไปกี่คนแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง อหิงสกะจึงได้รับสมญานามว่า องคุลิมาล เมื่อฆ่าจนครบ 999 คน ถึงมีโอกาสมาพบพระพุทธเจ้า ที่ทรง ชี้ทางสว่างให้องคุลีมาล จนเลื่อมใส หยุดหลงผิดทำบาป และออกบวชเป็นพุทธสาวกในพระพุทธศาสนา
อ่านประวัติขององคุลีมาลแล้วคลับคล้ายคลับคลากับ ปวิน ธนาธร ปิยะบุตร ช่อ ที่โดนอาจารย์ หรือผู้หลักผู้ใหญ่หลอกให้หลงผิด คิดว่าสิ่งที่ทำคือการช่วยปลดแอกประชาชนจากผู้กดขี่ ทั้งที่ความจริงเป็นคนละเรื่อง ได้แต่หวังว่า สักวันพวกเขาจะได้เจอพระอาจารย์ตัวจริง ไม่ใช่แค่คนสวมผ้าเหลืองกับอาจารย์และผู้หลักผู้ใหญ่จอมปลอมที่หลงผิดและชี้ทางผิดให้เดิน
ขอขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจากเฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค