แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัวทั่วโลกในปี 2563 แต่ทาง เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) เดินหน้าปั้นแบรนด์อย่างยั่งยืน ซึ่งในปีหน้าได้เตรียมเปิดตัว เนเบอร์ แบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มตลาด Luxury Midscale หรือตลาดระดับกลาง แต่คุณภาพระดับลักชัวรี่ที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวยุคใหม่ เพื่อออกไปสัมผัสที่สุดของการเดินทาง และสัมผัสแก่นแท้ของจุดหมายปลายทาง และแบรนด์ทราย ความหรูหราที่นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าถึง และสัมผัสได้ สามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งนายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า โรงแรมและรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ เนเบอร์จะเป็นที่พักที่เต็มไปด้วยความทันสมัย สามารถเข้าถึงได้ง่าย และให้บริการแบบไร้รอยต่อด้วยแพลตฟอร์มดิจิตัลแบบครบวงจร ตั้งแต่การจองห้องพัก และการดูแลในระหว่างการเข้าพัก และหลังจากการเข้าพัก นอกจากนั้น ผู้เข้าพักยังค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ร้านอาหารอร่อย สัมผัสวิถีชีวิตแบบคนท้องถิ่นกับกิจรรมการมากมาย ด้วย เนเบอร์ฮู้ด ไกด์ ผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถืออย่างง่าย อีกทั้งยังมีความพิเศษที่ดึงดูดนักเดินทางคนรุ่นใหม่ด้วย กิจกรรมดีไอวายผสมเครื่องหอมที่ใช้ระหว่างการเข้าพัก ในเวิร์กช็อป M.I.Y Aroma Lab หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจากตู้จำหน่าย M.I.Y เพื่อนำกลับมาใช้ที่บ้านให้ได้คิดถึงเสมือนพักผ่อนอยู่ที่เนเบอร์ โดยมีแผนจะเปิดโรงแรมและรีสอร์ทแบรนด์ เนเบอร์ จำนวน 6 แห่งในปี 2564 บนทำเลที่มีศักยภาพ รวมถึงศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย และจุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อนที่สำคัญในเอเชีย เพิ่มทางเลือกให้นทท. โดย นายเดิร์ก กล่าวต่อว่า ทาง SHR มีแผนที่จะเปิดตัวรีสอร์ทภายใต้แบรนด์ทรายอีก 2 แห่งในประเทศไทย ช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ได้แก่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต ซึ่งเป็นชุมชนรีสอร์ทชั้นนำของประเทศไทย ที่ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่พลิกโฉมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงห้องจัดงานรูปแบบใหม่ ร้านอาหารริมทะเลและบาร์ริมชายหาดที่สวยงามมากกว่าที่เคย และอื่น ๆ มากมาย ส่วน ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 170 ไร่ริมชายหาดบนเกาะพีพีดอน ประเทศไทย ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในชื่อ พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ซึ่งจะได้รับการรีแบรนด์และตกแต่งใหม่สู่แบรนด์ ทราย ในเอกลักษณ์ของความเป็นไทยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีทั้งสระว่ายน้ำรูปทรงอิสระ สปาบรรยากาศผ่อนคลาย ร้านอาหารที่มองเห็นวิวทะเล ไปจนถึงห้องพักพรีเมียม พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว สำหรับการพักผ่อนที่เงียบสงบเป็นส่วนตัว และมองเห็นวิวอ่าวโละบาเกาอันสวยงาม นอกจากนั้น รีสอร์ทแห่งนี้ยังสนับสนุนให้นักเดินทางใส่ใจและรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมที่ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลซึ่งตั้งอยู่ภายในรีสอร์ท และกิจกรรมทางน้ำต่างๆ บริเวณรีสอร์ท สร้างสรรค์การเดินทาง ทั้งนี้ นายเดิร์ก กล่าวต่อว่า ในปี 2564 จะเป็นปีที่สำคัญสำหรับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เพราะมีการเตรียมพร้อมที่จะขยายแบรนด์ไลฟ์สไตล์อย่างเต็มกำลัง โดยมีแผนที่จะรีแบรนด์และการเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทแห่งใหม่ในปีหน้าหลายแห่ง เพื่อที่จะสร้างอนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืนให้กับเอส กรุ๊ป ในหลากหลายจุดหมายปลายทางอันสวยงามทั่วเอเชีย "เวลานี้ความหรูหราไม่ใช่เพียงตัวผลิตภัณฑ์หรือจุดเด่นในการบริการต่างๆ เท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวยุคใหม่ต้องการการเข้าพักที่ราบรื่น ได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และสามารถค้นพบเสน่ห์และวิถีชีวิตที่แท้จริงของสถานที่นั้น ๆ โดยทราย และ เนเบอร์มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์การเดินทางที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพื่อมอบการพักผ่อนที่ลงตัว เข้าถึงง่าย และน่าประทับใจ ให้กับทุกคนในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป"นายเดิร์ก กล่าว ในปัจจุบัน เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก และสหราชอาณาจักร รวม 4,647 ห้อง โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี ผ่านการลงทุนระหว่างประเทศ การซื้อกิจการ และการรับบริหารโรงแรม ซึ่งรวมถึงการเติบโตของทราย และ เนเบอร์โดยมุ่งเน้นไปที่การเปิดตัวโรงแรมในเครือในทำเลเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย