วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำข้อมูลโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร จำนวน 515 แห่ง ที่ต้องสงสัยทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มามอบให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ทำการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำผิด ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทางททท. ได้ตรวจพบธุรกรรมที่ต้องสงสัยมีแนวโน้มการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการฯ หลายรูปแบบ ซึ่งมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นโรงแรม ร้านค้า และประชาชนที่ร่วมขบวนการ และพบว่า มีโรงแรมที่เข้าข่ายพฤติกรรมต้องสงสัยจำนวนประมาณ 312 ราย ในส่วนของร้านค้ามีประมาณ 202 ราย ส่วนผู้ที่ใช้สิทธิตามโครงการฯ ก็ยังคงสามารถเข้าพักหรือใช้สิทธิต่าง ๆ ตามเงื่อนไขได้เช่นเดิม ซึ่ง นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มว่า การยื่นเอกสารครั้งนี้ เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ในการดำเนินการตามกฎหมาย ให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันการกระทำผิดในส่วนของการขยายจำนวนและเวลาการใช้สิทธิ ของโครงการฯนี้ ในเฟส 2 ต่อไป ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้มารับหนังสือ โดยทราบว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าของแอพพลิเคชั่น รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบการกระทำความผิดที่เข้าข่ายฉ้อโกงเงินของรัฐบาล จึงได้ส่งเอกสารมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบผู้เข้าข่ายกระทำความผิด เบื้องต้นพบว่ามีหลายโรงแรม ร้านค้าๆ เข้าข่ายกระทำความผิด ทั้งนี้ทาง ตร. จะมอบหมายให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นผู้รับผิดชอบคดี และเสนอให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในนาม ตร. เพื่อให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ที่มีร้านค้าหรือโรงแรมที่เกี่ยวข้อง ได้เป็นพนักงานสอบสวนร่วมในการดำเนินคดี ซึ่งตำรวจจะเร่งทำการตรวจสอบและนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องดำเนินคดีอาญา เราพยายามทำให้เร็วที่สุด เนื่องจากไม่อยากให้โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟสใหม่ชะลอลงไป และไม่อยากให้มีการทุจริตเกิดขึ้นอีก ทั้งนี้ฝากเตือนผู้ประกอบการร้านค้า และประชาชน ที่อาจกระทำโดยเจตนาหรือไม่เจตนา เพราะตำรวจมีวิธีการสืบสวนสอบสวน ซึ่งจะหนีไม่พ้นความผิด โดยโรงแรมหรือร้านค้าใด ที่ต้องการเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว ตนก็ยินดี สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดส่วนตัว แต่รัฐเป็นผู้เสียหาย หากผู้เสียหายยินยอม อาจจะถอนคำร้องทุกข์ได้