เมื่อวันที่ 29 ก.ค.60 นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการรื้อย้ายบ้านบริเวณชุมชนวัดคฤหบดี เขตบางพลัด ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ณ วัดคฤหบดี ซ.จรัญสนิทวงศ์ 44 เขตบางพลัด
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ได้มาติดตามการรื้อย้ายบ้านหลังสุดท้ายที่รุกล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณชุมชนวัดคฤหบดี เขตบางพลัด โดยในชุมชนดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนที่รุกล้ำอยู่ 5 หลังคาเรือน แต่เนื่องจากบ้านหลังนี้ค่อนข้างจะเป็นหลังใหญ่และมีโครงสร้างเป็นเหล็ก จึงใช้ระยะเวลาในการรื้อถอนหลายวัน คาดว่าจะเสร็จรื้อย้ายจนเสร็จเรียบร้อยภายในวันที่ 29 ก.ค.60 ที่ผ่านมาสำนักการโยธาและสำนักงานเขตบางพลัดได้ลงพื้นที่พูดคุยทำการเจรจากับเจ้าของบ้านทั้ง 5 หลังคาเรือน ซึ่งทุกหลังให้ความร่วมมือในการรื้อย้ายออกไป อีกทั้งประชาชนที่บ้านเรือนรุกล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนใหญ่เต็มใจที่จะรื้อถอนเอง
สำหรับโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในระยะทางทั้ง 2 ฝั่ง ความยาวประมาณ 14 กม. มีบ้านเรือนประชาชนรุกล้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 282 หลังคาเรือน เป็นบ้านเรือน 273 หลัง ท่าเทียบเรือและโป๊ะ 9 แห่ง แบ่งเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนรุกล้ำทั้งหมด 14 ชุมชน ทั้งนี้ชุมชนที่ให้ความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครและได้ดำเนินการรื้อย้ายออกไปแล้ว ได้แก่ ชุมชนเขียวไข่กา เขตดุสิต ชุมชนเกียกกาย เขตดุสิต ชุมชนวัดฉัตรแก้วจงกลณี เขตบางพลัด ชุมชนวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ และชุมชนวัดคฤหบดี เขตบางพลัด ซึ่งที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้เข้าดำเนินการรื้อย้ายร่วมกันระหว่างเจ้าของบ้าน สำนักการโยธา และสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้อง คือเขตบางพลัด เขตดุสิต และเขตบางซื่อ
ทั้งนี้ ขณะนี้กรุงเทพมหานครสามารถดำเนินการรื้อย้ายบ้านรุกล้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้แล้ว จำนวน 53 หลังคาเรือน จากจำนวนที่ต้องทำการรื้อย้ายทั้งหมด 273 หลังคาเรือน ใน 14 ชุมชน อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครได้กำหนดแผนการรื้อย้ายบ้านเรือนรุกล้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ว่าจะดำเนินการรื้อย้ายให้เสร็จภายในสิ้นเดือนก.ค.60 ในโอกาสนี้กรุงเทพมหานครขอขอบคุณประชาชนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการรื้อย้ายบ้านที่รุกล้ำออกไปจนเสร็จเรียบร้อย พร้อมเดินหน้าร่วมกันพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีสภาพภูมิทัศน์ที่ดีและสวยงามต่อไป