“กกต.” จัด ”บิ๊กเดย์” 16 ธ.ค.นี้ทั่วประเทศ แสดงพลังกระตุ้นปชช.ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง“อบจ.” ด้าน“ชินวรณ์” ชี้ฝ่ายค้านเปิดซักฟอกเป็นเรื่องปกติ เหน็บที่ผ่านมาไม่เห็นมีข้อมูลตามคำขู่ ยันรมต.ของปชป.ไม่น่าห่วง เหตุเป้าอยู่ที่ “บิ๊กตู่” ส่วน“ธนกร” อัด“เลขาก้าวไกล” อย่าแกล้งโง่ ชี้ผิด ม.112 เพราะแสดงความเห็นหมิ่นสถาบัน ยันรัฐบาลไม่ได้แกล้งใคร ถ้าแสดงความเห็นแล้วติดคุกก็เพราะหมิ่นประมาท ขณะที่ “ซูเปอร์โพล” เผย ปชช.ไม่เอา “สาธารณรัฐ-คอมมิวนิสต์” ระบุรู้สึกแย่ “แกนนำม็อบ” กินหรู-อยู่สบาย ด้าน“ปปช.”สั่งสอบ “วินัยร้ายแรง-พักราชการ” พนง.ไต่สวนระดับสูง ปมเรียกรับสินบน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แจ้งว่า วันที่ 16 ธ.ค.นี้ กกต.จะจัดกิจกรรมเดินรณรงค์โค้งสุดท้าย ในการเชิญชวนประชาชนให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ในเวลา 10.00-12.00 น. ส่วนใน กทม.ก็จะจัดงานเช่นกัน แม้จะไม่มีการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยจะรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำงานใน กทม.กลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 20 ธ.ค.63 ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. ภายใต้แนวคิด “ 20 ธันวา กลับบ้านใช้สิทธิ เลือกตั้งท้องถิ่น อย่างสุจริตโปร่งใส” ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และรองประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าาวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า เมื่อเปิดสมัยประชุม ฝ่ายค้านก็มีสิทธิขอเปิดอภิปรายไว้ไม่วางใจได้ ซึ่งเป็นสิทธิของฝ่ายค้านตามหลัการตรวจสอบและถ่วงดุลอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เป็นห่วงฝ่ายค้านที่ออกมาบอกว่าการอภิปรายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา นายกฯ และรมว.กลาโหม อาจจะช็อกได้นั้น ตนอยากเรียนฝ่ายค้านว่า ขอเป็นกำลังใจให้ทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะถ้าการตรวจสอบมีความเข้มแข็งก็ทำให้ระบอบประชาธิปไตยมีความเข้มเข็งตามไปด้วย แต่การตรวจสอบก็ต้องอยู่บนพื้นฐานตามข้อมูลที่มีเหตุผลให้ส.ส.ได้รับฟังและเห็นด้วย ที่สำคัญในที่สุดเสียงข้างมากชนะแน่นอน แต่รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่ความน่าเชื่อถือในข้อมูลของฝ่ายค้าน ในส่วนรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าเป็นห่วงอะอะไร เพราะฟังดูแล้วฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่นายกฯ โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่านายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็ทำงานอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต เมื่อถามว่า คิดว่าฝ่ายค้านจะมีข้อมูลถึงขั้นทำนายกฯช็อกได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาฝ่ายค้านก็ไม่มีอะไรเด็ดอย่างที่พูด นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลอะไร แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีข้อมูลอะไรที่เป็นไปตามคำขู่ของฝ่ายค้าน ดังนั้นก็เป็นกำลังใจให้ฝ่ายค้านทำงานเต็มที่ ส่วน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุกังวลกรณีที่รัฐใช้มาตรา112รับมือนักศึกษา และไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพราะแสดงความเห็น ว่า ตนพยายามจะเข้าใจว่านายชัยธวัชแกล้งโง่ เพราะรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายใช้มาตรา112 เอาผิดใคร แต่ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ไม่ใช่อยู่เฉยๆ แล้วโดนมาตรา112 ที่สำคัญหากมีการแจ้งความแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินคดี ตำรวจก็จะโดนมาตรา157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้คณะราษฏรโดนมาตรา112 เพราะเหิมเกริม มีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ พี่น้องประชาชนจำนวนมากรับไม่ได้กับพฤติกรรมจึงไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีที่นายชัยธวัชระบุไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะแสดงความเห็นนั้น นายชัยธวัชแกล้งตีมึนหรืออย่างไร เพราะถ้าเป็นการแสดงความเห็นปกติไม่มีใครต้องติดคุก แต่ที่ติดคุกเพราะเป็นการแสดงความเห็นที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น เป็นการหมิ่นประมาท เป็นการจาบจ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนอยากถามนายชัยธวัชว่าถ้ามีใครมาแสดงความเห็นดูหมิ่น ดูถูกดูแคลนนายชัยธวัช นายชัยธวัชรับได้หรือไม่ นายชัยธวัชก็คงต้องปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยการไปแจ้งความดำเนินคดี ในทางกลับกัน หากไม่มีมาตรา112 สถาบันพระมหากษัตริย์คงถูกย่ำยีมากกว่านี้ เพราะขนาดมีมาตรา112 แกนนำคณะราษฏรยังไม่เกรงกลัว พูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จนพี่น้องคนไทยทั่วประเทศต้องออกมาแสดงพลังปกป้อง ที่สำคัญมาตรา112 ทั่วโลกก็ใช้ ขอให้นายชัยธวัชเข้าใจด้วย วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว อย่าหวนไปสู่ความขัดแย้งอีกเลย ขณะที่ ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ลัทธิ เบื้องหลัง ม็อบ 3 นิ้ว พบว่า ร้อยละ 96.8 รู้สึกแย่ กับข่าวแกนนำม็อบมีแนวคิดจะแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นสาธารณรัฐ ร้อยละ 96.2 รู้สึกแย่ กับข่าวแกนนำม็อบจะนำระบอบคอมมิวนิสต์ มาปกครองประเทศไทย และร้อยละ 96.2 รู้สึกแย่เช่นกัน กับข่าว แกนนำม็อบ เคยพักหรู กินอาหารฝรั่ง จิบไวน์ กินหรู แต่ม็อบกินข้าวข้างถนนแต่กลับมาเรียกร้อง ความเท่าเทียม ความเสมอภาค วันเดียวกัน แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนเบื้องต้นกรณีกล่าวหาพนักงานไต่สวนระดับสูงรายหนึ่ง ที่ถูกแต่งตั้งเป็นคณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องร้องเรียนกล่าวหาประจำสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 ที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับสินบนจากผู้ถูกกล่าวหาเพื่อช่วยเหลือเรื่องคดี โดยปรากฏพฤติการณ์ร่วมกับครูรายหนึ่งใน จ.ลพบุรี เรียกรับเงินจากผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดลพบุรี โดยมีหลักฐานเป็นการโอนเงินเข้าบัญชี จำนวน 30,000 บาท ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแก่พนักงานไต่สวนระดับสูงรายนี้แล้ว พร้อมกันนี้ยังมีคำสั่งพักราชการไว้ก่อนอีกด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีดังกล่าว คณะกรรมการป.ป.ช. ได้แบ่งการไต่สวนออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.การเรียกรับสินบน อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นทางอาญา โดยสำนักงานไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 เป็นผู้ดำเนินการ 2.การนำข้อมูลทางคดีมาเปิดเผย ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มีการสอบสวนทางวินัย รวมถึงอาจมีความผิดทางอาญาด้วย